ตอนสร้างโบสถ์ ทางวัดจ้างช่างเฟอร์นิเจอร์ฝีมือดีมาก ชื่อช่างถวิล กับช่างสุพจน์ มาช่วยทำงาน ตอนนั้นค่าเเรงของเขาวันละ 180 บาท ขณะที่ค่าเเรงคนงานสมัยนั้นวันละ 18 บาท ค่าเเรงของเขาสูงสิบเท่าตัวของค่าเเรงทั่วไป เเสดงว่าฝีมือเขาย่อมไม่ธรรมดา พวกเขาทำงานละเอียดมาก ให้เขามาช่วยทำเเม่เเบบ
พอเขาขึ้นไปวางเเบบ ซึ่งเเม่เเบบเเต่ละชิ้นเป็นรูปโค้งที่ต้องมาต่อกันหลายๆเเผ่น เเต่ละเเผ่นต้องต่อให้สนิท ต่อให้เนี๊ยบหมดทุกเเผ่นเรียกว่าเป็นงานที่ต้องใช้ฝีมืออย่างมาก เพราะความโค้งที่คานวิ่งมาชนกับฝ้า เมื่อตีฝ้าเเล้วมันต้องพอดี งานนี้เป็นงานที่ไม่ง่าย
เขาขึ้นไปวางเเบบเคิร์ฟ(Curve) ส่วนโค้งของโบสถ์ เขาจับระดับน้ำไล่ไปไล่มาอยู่น่าน ตอนเเรกหลวงพี่ก็ปล่อยให้เขาทำไปก่อน เขาวางไม้เเบบเเล้วก็ไล่ระดับน้ำจากด้านหน้า ไปถึงด้านหลังก็ปรากฏว่าไม่เท่ากัน หายไปเเล้ว 2 เซนติเมตร พอไล่ระดับจากด้านหน้าเเละด้านหลังเข้ามา ปรากฏว่าตรงกลางหายไปอีก พอไล่จากทางซ้ายมาได้ มาเจอทางขวากลับไม่เท่ากัน พอหลวงพี่บอกวิธีของหลวงพี่ให้เขาไปว่า ช่างถวิล ช่างทำเเบบนี้นะ เขาบอกว่า หลวงพี่ผมขอเเก้ตัวใหม่ ด้วยศักดิ์ศรีเเละฝีมือของเขาจะต้องเอาให้ดีให้ได้ด้วยวิธีของเขา
ช่างเขาวิ่งงานข้างบนซึ่งข้างบนทำงานยาก เขาใช้สายยางจับระดับน้ำ เเล้วดินสอขีด
วัดระดับต่างๆเพื่อให้เท่ากัน ซ้ายกับขวาต้องเท่ากัน บนกับล่างต้องเท่ากัน ข้างหน้า ตรงกลาง ตรงริม ตรงท้ายของโบสถ์ต้องเท่ากัน เขาวนกับงานนี้อยู่ 7 วัน ยังทำไม่เสร็จ ตอนนั้นงานเราเร่งมาก เเต่ต้องการที่จะข่มทิฐิช่าง เพราะช่างเขามีทิฐิเยอะ เราต้องเอาทิฐิช่างให้ลงเเล้วยอมเรา เพื่อที่เราจะได้คุมงานเขาได้ในเมื่อเสียเวลามาขนาดนี้เเล้วเขายังไม่ยอมเเพ้ เราจำเป็นต้องยอมเสียเวลาเพิ่ม หลวงพี่ให้เขาเเก้ตัว
เขาหาซื้อสายยางวัดระดับน้ำมาใหม่ ดินสอที่ใช้เขาเหลาให้คมจนเรียกได้ว่าเเทบจะโกนขนได้ คมกริบเลย เเล้วเขาขึ้นไปเล็งวัดระดับใหม่ จากระดับนี้ไล่ระดับไปเรื่อยๆตรงจุดนั้น ครั้งนี้เขามั่นใจมาก พอไล่ไปเรื่อยๆจากหัวไปท้ายก็ยังไม่เท่ากัน ผ่านไปอีกอาทิตย์หนึ่ง ผ่านไป 2 อาทิตย์ ในที่สุดเขาก็มาบอกว่า
หลวงพี่ครับผมยอม ไม่รู้มันทำไมถึงไม่เท่ากัน ผมว่าผมเล็งดีเเล้วนะครับ
การไล่ระดับ โดยใช้สายยางจะมีเเรงตึงผิวน้ำ สายยางจะตกท้องช้งทำให้การวัดไล่ระดับคลาดเคลื่อนไปทีละนิดๆ เคลื่อนตรงนี้เเค่นิดเดียว เเต่พอไล่วัดไปเรื่อยๆกว่าจะถึงจุดโน้นก็เคลื่อนไปตั้งเท่าไรเเล้ว
ช่างเขาบอกว่าเขาลองใช้วิธีเฉลี่ยค่าออกมาเเล้วก็ยังใช้ไม่ได้ หลวงพี่ก็เลยบอกวิธีของหลวงพี่ให้เขา บอกให้เขาทำนั่งร้านสำหรับตั้งกล้อง เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ
ให้เขาตั้งนั่งร้านจากตรงนี้ไปตรงนั้นรวม 3 นั่งร้าน หลวงพี่เอากล้องทำระดับขึ้นไปตั้ง เเล้วก็ทำตามขั้นตอน ถ้าเราตั้งกล้องได้ดี พอส่องกล้องยิ่งระดับตั้งเเต่หน้าโบสถ์ถึงท้ายโบสถ์ ทั้งซ้ายเเละขวา ทั้งหน้าทั้งหลัง ผลออกมาได้ระดับเดียวกันหมดเลย งานนี้ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงจบ ช่างเขาเลยบอก
ผมยอมหลวงพี่เเล้วครับ
การจะเอาทิฐิช่างลงได้ ถ้าเราไม่มีฝีมือ เอาเขาไม่ลง เราต้องเป็นงานจริงๆ เราจึงจะคุมเขาอยู่ ต่อไปเราสั่งซ้ายเขาไปซ้าย สั่งขวาเขาไปขวา ไม่เช่นนั้นเขาจะเถียงเราตลอด ที่ผ่านมาหลวงพี่จะเจอช่างเเบบนี้เยอะ
งานของเราใช้อำนาจไม่ได้ ถ้าเขาไม่ทำตาม เราไล่ออกไปไม่ได้ ถ้าเราอยากได้คนมาทำงาน อยากได้ม้าดีๆมาขี่ เราต้องเอามันให้อยู่
ม้าเก่งๆเท่านั้นที่เราอยากขี่ ถ้าเราฝีมือไม่ดี ขี่เเล้วมันดีดเราตกหลังม้า หลังเราหักเลย จะขี่ม้าดีต้องมีฝีมือ ม้าพยศเราต้องปราบให้อยู่เเล้วถึงจะใช้งานมันได้
เรื่องเล่าจากพระครูปลัดภูเบส ฌานาภิญฺโญ
สโตร์หน้าวัด The Store Story หน้า 130-133
หมายเหตุ: พระครูปลัดสุวัฒนธีรคุณ (ภูเบศ ฌานาภิญฺโญ)ท่านเป็นผู้หนึ่งในยุคบุกเบิกสร้างวัดพระธรรมกาย
ปัจจุบันท่านมีตำเเหน่งเป็นที่ปรึกษาอาวุโส,เป็นกรรมการมูลนิธิธรรมกาย ,ประธานคณะกรรมการศูนย์กลางธรรมกายเเห่งโลก(WDC) เเละเป็นผู้อำนวยการสำนักสาธารณูปการของวัดพระธรรมกาย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น