ถามตัวเองว่า ถ้าเราจะรวยบ้าง เราจะต้องมีเงินมากเท่าไรถึงเข้าขั้นเรียกว่ารวย?
เเละใครกัน คนอื่น หรือตัวเรา ที่จะเป็นคนชี้ชัดว่า รวยหรือไม่รวย?
ถ้าคนอื่นมาบอกว่าผมรวย นั่นคงเป็นเพราะเขาเอาผม
ไปเทียบกับคนที่ด้อยกว่า จึงมองว่าผมรวย
เเละก็คงเช่นเดียวกัน ถ้าผมจะบอกว่าผมจนมาก ก็คงเป็นเพราะผมเอาตัวเอง
ไปเทียบกับเพื่อนๆที่ทำงานมีเงินเดือนสูงๆ
เเต่ถ้าหากไม่เอาผมไปเทียบกับใคร
เเต่เอามาเทียบกับความจำเป็นที่ผมต้องใช้ในชีวิต
ผมก็คงตอบได้ว่า ผมกำลังพอดีๆ ไม่ได้จน ไม่ได้รวย
ผมลองมาคิดคำนวณค่าใช้จ่ายประจำของผมว่ามีอะไรบ้าง?
ก็พบว่า ค่าใช้จ่ายส่วนตัวหลักๆก็มีค่าตัดผม
ซึ่งเดือนหนึ่งอย่างต่ำตัดสองครั้ง
นอกนั้นก็ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรมาก ส่วนที่เหลือก็เก็บทำบุญ
เเต่ถ้าเป็นเพื่อนๆซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นมากมาย ทั้งเรืองครอบครัว
เรื่องลูก เรื่องค่าใช้จ่ายทางบ้านของพ่อตา เเม่ยาย
ค่าใช้จ่ายงานสังคม จ่ายลูกน้อง
เเละยังต้องจ่ายอะไร ต่ออะไรอีกเยอะเเยะ ซึ่งจำเป็นต้องมีรายรับสูงมากกว่าผมหลายสิบเท่า
เเละเมื่อหักลบ รายรับ-จ่ายเเล้ว
ผมก็ว่าคงเหลือพอๆกัน
เเล้วอย่างนี้จะสรุปว่ารวยหรือจนก็คงจะไม่ได้
เเล้วอย่างนี้จะสรุปว่ารวยหรือจนก็คงจะไม่ได้
เหมือนอย่างจะมาบอกว่า มหาวิทยาลัยรวยกว่าโรงเรียนประถม หรือมัธยมก็คงไม่ได้เช่นกัน
ทั้งๆที่มหาวิทยาลัยมีรายรับในเเต่ละปีมากกว่าโรงเรียนมากมาย
เเละทำนองเดียวกันที่มองผิวเผินเเล้ว จะสรุปว่าวัดนี้รวย วัดนี้จน ก็คงจะไม่ถูกต้องนัก
เเล้วที่ว่าวัดนี้รวย วัดนี้จนนั้น
เรากำลังเอาเนื้อที่ขนาดของวัดมาเทียบ หรือเอาอาคารสิ่งก่อสร้าง
เอาจำนวนคนเข้าวัด เอาปัจจัยที่สาธุชนทำบุญมาเทียบ หรือเอาวัตถุประสงค์ในการสร้างวัดมาเทียบ
เรากำลังเอาอะไรมาเทียบกันถ้าจะสร้างวัดเพื่อรองรับคนในชุมชน หรือในหมู่บ้านก็ต้องทำเเบบหนึ่ง
ถ้าในตำบล ในอำเภอก็อีกเเบบหนึ่งในจังหวัดก็ต้องอีกเเบบหนึ่ง
ในจังหวัดก็ต้องอีกเเบบหนึ่ง
เเละถ้าจะสร้างวัดเพื่อรองรับคนทั้งประเทศ หรือเพื่อเป็นสถานที่เผยเเผ่ธรรมะ
พระพุทธศาสนาให้เเก่คนทั้งโลกก็ต้องอีกเเบบหนึ่ง
จึงไม่ใช่เรื่องที่มองเเค่บางจุดเเล้วก็บอกว่ารวยหรือจน
เหมือนโรงเรียนเหมือนมหาวิทยาลัยที่ให้ความรู้เหมือนกัน
เเต่ต่างก็มีบทบาทเเละหน้าที่ของตัวเอง ขึ้นอยู่ที่ว่าได้วางบทบาทหน้าที่เอาไว้อย่างไร??
เเล้วสามารถตอบสนองต่อบทบาทของตัวเองได้ไหม???
หรือว่าได้ทำหน้าที่ให้คุ้มค่ากับกำลังงบประมาณที่ใช้ไปหรือเปล่าCr: โค้ก อลงกรณ์ บันทึกอุปัฏฐาก
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น