ไม่นึกไม่ฝัน จะได้อยู่ในยุคสองเเผ่นดิน เนื่องจากตั้งเเต่เด็ก จนโต หรือจนเเก่ เชื่อว่าหลายๆคนคงจะจดจำ
เเละชินตา กับภาพ พระเจ้าอยู่หัว จนไม่นึกว่าจะมีวันนี้ที่่
"ไม่มีพระเจ้าอยู่หัว"
ภาพของประชาชน ไม่ว่า
คนไทย ที่ร่วมถวายความไว้อาลัยอย่างเนืองเเน่น ทั่วประเทศขณะนี้ ทำให้ย้อนคิดถึงละครเรื่องหนึ่ง
ที่สร้างมากี่ครั้ง ก็ตราตรึงใจ มีความเป็นไทย ที่บรรยาย เเสดงเอกลักษณ์ออกมาได้อย่างงดงาม ทั้งที่เป็นตัวอักษร
หรือ การเคลื่อนไหวบนเเผ่นฟิล์ม ในจอภาพยนต์ หรือจอโทรทัศน์ ไม่ใช่
เเค่สะท้อนความเป็นอยู่ของคนไทยในอดีตได้อย่างชัดเจน
เเต่ยังเล่าเหตุการณ์ของเเผ่นดินในยุคต่างๆ ได้ถึง 4 สมัย
นวนิยายเเละละคร"สี่แผ่นดิน"
ได้บรรยายายความรู้สึกของ "พลอย" ในเหตุการณ์สิ้นในหลวง ครั้งหนึ่งได้อย่างเข้าใจ อย่างเเจ่มเเจ้ง ว่า
คนไทยนั้นเเต่ไหนมา ล้วนผูกพันธ์ กับพระเจ้าอยู่หัว อย่างเเนบเเน่น ความรักของคนไทย
กับพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่ความรัก เเบบผู้ปกครอง กับ ผู้ถูกปกครอง เเต่
เป็นความรัก เเบบ พ่อ กับ ลูก
เมื่อวันหนึ่ง ไม่มีพระเจ้าอยู่หัว ความรู้สึกของคนทั้งประเทศ จึงเป็นดั่ง
ลูกที่พ่อจากไป
ลองอ่านท่อนหนึ่งของบทประพันธ์นี้ดู เเล้วจะเข้าใจ เเละอาจจะชื่นชม ความเเข็งเเกร่งของ เเม่พลอย
ที่ทนได้อย่างไร กับการเปลี่ยนเเปลง ถึงสี่เเผ่นดิน เพราะเราๆ เเค่ เเผ่นดินเดียวใจคนไทยเราตอนนี้
ก็เเทบจะสลายเเล้ว
"วันนั้นอากาศมืดครึ้มไปทั่ว ไม่มีแสงแดด ทำให้ดูครึ้ม เยือกเย็น ลมเหนือที่เริ่มจะพัดในเดือนตุลาคมหยุดนิ่ง ในวันนั้นแม้แต่ใบไม้สักใบก็ไม่กระดิก เสียงนกเล็กๆ ที่เคยร้องอยู่ตามพุ่มไม้ก็เงียบหายไป ธรรมชาติทั่วทั้งกรุงเทพฯ ดูเหมือนจะแสดงความโศกสลดในความวิปโยคอันยิ่งใหญ่...
...พลอยใจหายวาบต้องทรุดตัวลงนั่งที่กระไดตึก นึกสังหรณ์ใจขึ้นมาทันทีว่า ยายเทียบมิได้พูดข่าวลือเหลวไหล แต่ใจนั้นยังไม่ยอมเชื่อ เพราะถ้าประชวรหนักหนาก็คงจะรู้เรื่องมาก่อน แต่พลอยได้ข่าวประชวรมาเพียงห้าหกวันเท่านั้น จริงอยู่คุณเปรมหายไปทั้งคืนคงจะต้องมีเหตุสำคัญในวัง แต่บางทีพระอาการประชวรจะหนักขึ้นเท่านั้นเอง เห็นจะไม่ใช่สวรรคต พลอยพยายามหลอกตัวเองว่า พระเจ้าอยู่หัวมิได้เสด็จสวรรคต เพราะยังไม่สามารถจะเชื่อได้ว่าจะเสด็จสวรรคตได้อย่างไร"
.........“ภายหลังจากที่คุณเปรมกลับมาเล่าว่า พระเจ้าอยู่หัวประชวรไม่เสด็จออก พลอยนึกแน่ใจว่าเป็นการ ประชวรตามปกติเพราะไม่มีใครพูดถึงอาการประชวรนี้เลย หลังจากได้ทราบข่าวประชวรราวๆ ห้าวัน
รุ่งขึ้นวันหนึ่ง ยายเทียบกลับจากตลาดตอนสายเดินร้องไห้โฮๆ เข้ามาในบ้านบอกว่า เขาพูดกันในตลาดว่า ในหลวงสวรรคตเสียแล้ว วันนี้คนร้องไห้กันทั้งตลาดไม่มี ใครทำมาค้าขายกันเลย
แต่เรื่องพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตนั้น พลอยไม่เคยนึกถึงเลยและถึง แม้ว่าจะนึกถึงก็เห็นว่าตัวนั้นบาปกรรมอย่างหนักทีเดียว แต่ถ้ายายเทียบไม่เหลวไหลและข่าวนี้เป็นความจริงก็เท่ากับว่าหลัก หรือแกนของโลก มนุษย์ที่พลอยรู้จักนั้นสลายลง อีกครู่หนึ่งก็มีเสียงคนร้องไห้มาจากครัว และเสียงคนร้องไห้มาจากเรือนคุณนุ้ย... คุณเปรมก็ร้องไห้ คำตอบเท่านั้นพอแล้วสำหรับพลอย พลอยก้มลงกราบพระบรมรูป แล้วก็ซบหน้าลงกับตักคุณเปรม ร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่น้อยกว่าเมื่อครั้งเจ้าคุณพ่อตาย แต่ในใจของพลอยนั้น รู้สึกว่าคราวนี้เป็นความสูญเสียที่มาก กว่าแรงกว่าและจะมีผลไกลกว่าเป็นหนักหนา
พลอยรีบแต่งกายเข้าเครื่องไว้ทุกข์ อย่างน้อยที่สุดที่ตนจะทำได้ในวันนี้ ก็คือไปคอยเฝ้าถวายบังคมพระบรมศพตามข้างถนนหนทางยังดีกว่านั่งอยู่ที่บ้านโดยไม่มีจิตใจจะทำอะไรถูกตลอดทางที่พลอยผ่าน มีแต่ชาวบ้านแต่งกายไว้ทุกข์นุ่งดำ ทุกคนมีใบหน้าอันเศร้าหมองส่วนมากถือดอกไม้ธูปเทียนในมือ บางคนเดินร้องไห้ดังๆ บางคนก็เช็ดน้ำตา ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปคอยกระบวนพระบรมศพ
พระบรมโกศประดิษฐานอยู่บนพระยานมาศสามลำคาน กั้นกางด้วยพระมหาเศวตฉัตรแลดูสูงทะมึน มีเสียงร้องไห้ดังระงมด้วย
ความรู้สึกจากหัวใจ ทุกคนก้มลงกราบถวายบังคม พลอยนั่งใจเต้นระทึก พลอยก้มลงกราบถวายบังคมและเมื่อเงยหน้าขึ้น ตาก็พอดีไปจับอยู่ที่ใบหน้าทหารคนหนึ่งที่ยืนรายทาง ทหารคนนั้นยืนถือปืนกลับปลายกระบอกลง ก้มหน้าไม่มีกระดิก แต่สิ่งที่เข้ามาปลดปล่อยความรู้สึกของพลอยให้ปะทุออกมาทั้งหมดก็คือ บนใบหน้าของทหารคนนั้นมีทางน้ำตาเป็นทางยาวไหลอาบแก้ม พลอยเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมาให้คนอื่นเห็น แต่เพราะทหารคนนั้น พลอยก็ปล่อยโฮออกมาอย่างหมดอับอาย”
ความตอนหนึ่งจาก "สี่แผ่นดิน" - ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น