ตัวอย่างวิบากกรรมของผู้บริภาษผู้ทรงศีล
ในครั้งพุทธกาลที่เมืองสาวัตถีมีชาวประมงได้ปลาใหญ่ตัวหนึ่ง มีสีเหมือนทองคำแต่ปากเหม็นมาก จึงเอาไปถวายพระราชา
พระราชารับสั่งให้นำไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พอปลาอ้าปากเท่านั้น
กลิ่นเหม็นก็คลุ้งตลบทั้งเชตวันมหาวิหาร พระราชาถามพระศาสดาว่า
ทำไม่ปลามีสีเหมือนทองคำ แต่ปากเหม็น
พระศาสดาตรัสตอบว่า ปลานี้ภพในอดีตเป็นภิกษุชื่อ กปิละ มีความรู้มาก
ทะนงในความรู้ของตน เที่ยวด่าบริภาษพระภิกษุที่ไม่เชื่อคำของตน น้องสาวกับแม่ก็ด่าว่าพระภิกษุตามพระกปิละ เพราะคิดว่าท่านรู้มาก พระกปิละตายแล้วจึงไปเกิดในอเวจีมหานรก ไหม้ในมหานรกสิ้นพุทธันดรหนึ่ง แล้วมาเกิดเป็นปลา
ด้วยเศษแห่งวิบากเนื่องจากเคยท่องบ่นคัมภีร์ สรรเสริญคุณพระพุทธเจ้า
จึงได้อัตตภาพมีสีเหมือนทองคำ แต่เพราะเป็นผู้ด่าบริภาษพระภิกษุทั้งหลาย
กลิ่นเหม็นจึงฟุ้งออกจากปากของเธอ
จากนั้นพระพุทธเจ้าทำให้ปลาพูดได้ด้วยพุทธนุภาพ
พระศาสดาตรัสถามปลาว่า "เจ้าชื่อกปิละหรือ?"
ปลาตอบ "พระเจ้าข้า
ข้าพระองค์ชื่อกปิละ"
พระศาสดาถาม "เจ้ามาจากไหน?"
ปลาตอบ "เกิดในนรก พระเจ้าข้า"
พระศาสดา "น้องสาวของเจ้า
ไปไหน ?"
ปลาตอบ " เกิดในมหานรก
พระเจ้าข้า"
พระศาสดา
"บัดนี้เจ้าจักไปที่ไหน ?"
ปลาตอบ "จักไปสู่อเวจีมหานรกดังเดิม พระเจ้าข้า"
ดังนี้แล้ว คิดถึงบาปกรรมที่ตนเคยทำ
เศร้าเสียใจมากจึงเอาศรีษะฟาดเรือตายในทันทีนั่นเอง กลับไปเกิดในนรกแล้ว มหาชนเห็นเรื่องราวทั้งหมด
ได้สลดใจมีขนลุกชูชันแล้ว
การบริภาษด่าว่าพระภิกษุผู้ทรงศีลเป็นกรรมหนักมาก พวกเราอย่าไปทำเด็ดขาด
บางคนแค่ฟังเขาว่าต่อๆกันมาก็หลงเชื่อ ผสมโรงด่าว่าท่านด้วยความคึกคะนอง
กรรมนี้น่ากลัวนัก ยิ่งในโลกปัจจุบันที่การสื่อสารออนไลน์
เป็นไปอย่างรวดเร็วกว้างขวาง
ยิ่งต้องระมัดระวัง มีสติ ไม่ไปตามแห่ทำบาปกับใคร
การตัดต่อภาพใส่ร้ายป้ายสีพระภิกษุ ยิ่งผิดทั้งศีล ผิดทั้งธรรม
จะหาเหตุผลมาอ้างว่าทำด้วยความความบริสุทธิ์ใจ เพราะคิดว่าท่านไม่ดี
เหตุผลนี้เมื่อตายแล้วตกนรก
จะเอาไปใช้อ้างกับยมบาลเขาก็ไม่รับฟังเลย
แนวปฏิบัติที่ถูกต้องคือ
เราอย่าไปบริภาษด่าว่าพระภิกษุสงฆ์ เพราะเรายังรู้จักท่านไม่จริง แต่เอาเวลาไปประพฤติปฏิบัติธรรม
กับพระภิกษุรูปใดก็ได้ที่เราถูกอัธยาศัย มีความศรัทธาเลื่อมใสในตัวท่านดีกว่า
ทำอย่างนี้เราจะไม่มีวิบากกรรม จะมีแต่ความสุขความเจริญตลอดไป ทั้งภพนี้และภพหน้า
CR Chaleeya Nuansri