1.วัคซีน Pfizer มีชื่อจริง ว่า Comirnaty
(คอเมียร์นาตี้)
2.วัคซีน Moderna มีชื่อจริงเรียกว่า
spikevax (สไปท์แวค)
ปริมาณการฉีด
1.Pfizer จะฉีดในผู้ใหญ่ ปริมาณ 30 ไมโครกรัม ห่างกัน 3 อาทิตย์
(ส่วนเด็ก 5-11 ขวบจะฉีดปริมาณ 10 ไมโครกรัม) ห่างกัน 3 สัปดาห์
2. Moderna ฉีด 100 ไมโครกรัม
(ส่วนเด็ก 5-11 ขวบยังไม่มีการใช้ แต่มีการทำการทดลองแล้ว ต้องรอผลกันต่อไป) ระยะห่างการฉีดห่างกัน 4 สัปดาห์
หลังจากมีการเก็บข้อมูลของ CDC คือ ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention) และมหาวิทยาลัยเยล (Yale University) เกี่ยวข้องกับวัคซีน 2 ชนิดนี้ พบว่าวัคซีน Moderna มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดโควิดหลังจากฉีดวัคซีนเหนือกว่าวัคซีน Pfizer เล็กน้อย โดยกรณีของ CDC ผลของวัคซีน Moderna มีประสิทธิภาพในการป้องกันคนไข้มานอนโรงพยาบาลได้ 95% ในขณะที่ Pfizer ป้องกันได้ 80%ต่างกันบ้าง มหาวิทยาลัยเยล (Yale University) อยู่ที่ 80 % ส่วน Moderna อยู่ที่ ซึ่งเมื่อเที่ยบกับตัวอื่น ทั้งสองก็ยังถือว่ามีประสิทธิภาพสูงมาก
ผลเสียเกี่ยวกับกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือเนื้อเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
ในความเป็นจริงทั้งสองวัคซีนเจอผู้ป่วยหลังฉีดวัคซีนเข็มสองเป็นจำนวนน้อยมากๆ และพอเจอในกรณี Moderna มากกว่า Pfizer 2.5 เท่า
ตัวเลขผู้ป่วยจากการฉีดวัคซีน mRNAประมาณ 12.6 คน ใน หนึ่งล้านคนที่ฉีดวัคซีนไป ซึ่งก็ถือว่าน้อยมากๆ ที่แสดงให้เห็นว่าถึงมีปัญหาบ้าง แต่สัดส่วนคนที่เกิดปัญหาเทียบกับจำนวนคนนับล้านที่ฉีดก็ยังไม่น่ากังวล
ทำไม Moderna ถึงมีประสิทธิภาพสูงกว่า
ตามความคาดการณ์ อาจจะเป็นปริมาณจำนวนโดสที่ให้สูงกว่า เกือบ3 เท่าของไฟเซอร์
หรือเป็นตัวหุ้ม mRNA หรือไลปิดนาโนพาทิเคิล ที่วัคซีน2 ชนิดนี้ใช้ในขบวนการเป็นตัวต่างกันอีกสมมุติฐานหนึ่งก็คือ ระยะเวลาความห่างระหว่างเข็มในการฉีดคซีน ที่ Pfizer ใช้ระยะห่าง 3อาทิตย์แต่ Moderna ใช้ 4 อาทิตย์ การเว้นระยะวัคซีน 2 เข็มห่างกันนานขึ้น ก็จะทำให้ภูมิที่เราได้รับจากการกระตุ้น สูงขึ้นตามไปด้วย กว่าการเว้นที่น้อยลง
แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนจนถึงปัจจุบัน แม้การตอบคำถามว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจ หรือเนื้อเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบใน Moderna สูงกว่า Pfizer
สำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 30 ปีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดกล้ามเนื้อหัวใจ หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ผลการวิจัยก็ออกมาชัดเจน ว่า
1.ผู้ได้รับวัคซีนmRNA มีโอกาส 12.6 คนใน 1 ล้านคน
2.ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน แล้วติดโควิดในช่วงอายุ 12-17 ปี มีโอกาสเกิดได้ถึง 450 คนใน 1ล้านคน
ซึ่งกรณีแรกที่พบอาการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจ หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ จากการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง จะแสดงผลให้เห็นภายในระยะเวลาแรกๆ ไม่เกิน3-4 วันหลังการฉีดวัคซีน ซึ่งสามารถหายได้จากการใช้ยาหลายๆตัวรักษา เช่น แอสไพลิน หรือยาลดการอักเสบ ซึ่งอาการจะไม่รุนแรง
สลับวัคซีนได้ไหม
ระหว่างวัคซีนmRNA จะสลับกันได้ไหม เช่น เข็มที่ 1 เป็นไฟเซอร์ เข็มที่2 จะเป็น โมเดอร์นา
ไม่มีปัญหา หรือจะบูทด้วยวัคซีนต่างกันก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน การสลับไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ แล้วแต่ดุลยพินิจของผู้ฉีดเอง ยังไงการฉีดวัคซีนไว้มีผลดีมากกว่าแน่นอน ลดการติดโควิดที่ไม่ว่าจะกลายพันธุ์แค่ไหนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยกว่าผู้ที่ไม่ฉีดแน่นอน
ขอบคุณแหล่งที่มา Docter Tany Pfizer กับ Moderna
ตัวไหนดีกว่า?
- YouTube