เมื่อประมาณปี ๒๕๑๐ เป็นช่วงเวลาที่กลุ่มปัญญาชนของชาติ กำลังมุ่งที่จะเปลี่ยนเเปลงประเทศ โดยการฝักใฝ่สนใจในลักธิคอมมิวนิสต์กันเป็นจำนวนมาก มีการชุมนุมเรื่องการเมืองเกิดขึ้นบ่อยครั้ง บ้านเมืองไม่สงบสุข ส่วนประเทศเพื่อนบ้านทั้งเวียดนาม เขมร ลาว เเละพม่า ล้วนเเต่ตกอยู่ในอำนาจของลักธิมิจฉาทิฏฐิดังกล่าว มีสงครามภายในประเทศกันอย่างรุนเเรง ผู้คนล้มตายมากมาย
เเต่หากในช่วงเวลาเดียวกัน ก็มีการก่อกำเนิดเด็กหนุ่มสาว ที่สนใจเรื่องศาสนาอย่างหมู่คณะที่บ้านธรรมประสิทธิ์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับวัดปากน้ำภาษีเจริญ มีคุณยายอาจารย์เเม่ชีจันทร์ ขนนกยูง( คุณยายมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง) สมัยนั้นเป็นผู้ฝึกฝน อบรม เเละสอนสมาธิ จนเด็กหนุ่มผู้นำกลุ่ม ได้เกิดปัญญาจากการนั่งสมาธิ ได้ตั้งสัตยาธิษฐานเป็นของขวัญวันเกิดให้คุณยายในปีนั้น ขออยู่เป็นโสด ประพฤติพรหมจรรย์ ตั้งใจปฏิบัติธรรม เเละช่วยงานพระศาสนาไปจนตลอดชีวิต เเละหลังจากนั้นในเเต่ละปีทุกวันคล้ายวันเกิดของท่าน ก็จะมีสมาชิกในกลุ่มค่อยๆทยอย ตั้งสัตยาธิษฐานตาม จนรวบรวมหมู่คณะได้จำนวนหนึ่ง ถึงได้มีการคิดถึง การบวช เเละการสร้างวัดเพื่อรองรับงานพระพุทธศาสนาตามมา
บ้านธรรมประสิทธิ์ ที่พักของคุณยายอาจารย์ ถือเป็นจุดเริ่มต้น ของหมู่คณะก่อนที่จะมาเป็นวัดพระธรรมกาย ในเวลาต่อมา ถือเป็นบ้านเเห่งความทรงจำสำหรับบุคคลรุ่นบุกเบิกที่เคยไป ได้เห็นความ ไม่มี ก่อนที่จะมี ได้เห็นการค่อยๆสร้าง วัด สร้างคน สร้างทีม ระดมทุน จากจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน ได้เห็นความฉลาดเฉลียว ปฏิภาณไหวพริบ ของผู้นำ จนถึงลูกทีม ที่ร่วมกันฝันฝ่าทุกปัญหาเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา จนถึงทุกวันนี้ที่หลายคนในยุคนั้นได้สิ้นอายุขัยไปตามกาลเวลา หรือที่ยังคงอยู่ก็ล้วนเเต่เป็นวัยบั้นปลายชีวิต เเต่ก็ยังคงจำได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยกันเเละกันในหมู่คณะในสมัยนั้นได้ดี โดยเฉพาะเรื่องราวประทับใจ ระหว่างหลวงพ่อเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน คือ พระเทพญาณมหามุนี เเละรองเจ้าอาวาส คือ พระภาวนาวิริยคุณ ซึ่งในสมัยนั้นยังเป็น รุ่นพี่ที่เรียนจบพึ่งเข้าทำงาน กับรุ่นน้องสถาบันเดียวกันที่ยังเรียนอยู่ คือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เเต่รักในการปฎิบัติธรรม ต้องมาปฏิบัติธรรมกับหมู่คณะไม่เคยขาด ซึ่งอุบาสิกาถวิล วัติรางกูล หรือป้าหวิน ได้พบเห็นเเละบันทึกเหตุการณ์ช่วงนั้นไว้ว่า
มีอยู่เย็นวันหนึ่ง ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งสมาธิกันเงียบกริบ ป้ายังกำหนดใจอะไรไม่ได้ พอหูได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่พื้นกระดาน ใจของป้าก็คิดเป็นห่วงกระเป๋าสตางค์ของบรรดาชาย เกรงจะมีใครเเอบขึ้นบันไดมาหยิบเอาไปหมด เวลานั้นป้าไม่เข้าใจว่า ทำไมเวลานั่งสมาธิ ผู้ชายทุกคนจะต้องหยิบเอากระเป๋าสตางค์ ออกมาจากกางเกงเอาไว้ข้างตัว ป้าคิดเอาเองว่า
"เค้าคงปล่อยวาง ไม่ยึดติดในสมบัติอะไรกระมัง เลยเอาทรัพย์สินเงินทองออกมาวางทิ้งซะ"
ภายหลังจึงทราบว่า เพราะมีกระเป๋าสตางค์อยู่ในกางเกง กระเป๋าจะค้ำตัว ทำให้กางเกงตึง นั่งไม่สบาย เเต่การนั่งสบายของฝ่ายชาย ทำให้ป้ารู้สึกไม่สบาย เป็นห่วงเป็นใยกระเป๋าพวกนั้น
พอนึกห่วง ก็หรี่ตาดู ว่าอะไรมาทำเสียงเหมือนคนเคลื่อนไหว ป้าเห็นหลวงพ่อรองเจ้าอาวาสของเรา ท่านกำลังคลานมาทางด้านหลังของคนอื่นๆที่นั่งสมาธิล้อมเกือบเป็นรูปวงกลม ป้ามองตาม จนในที่สุดก็เห็นคลานไปที่กระเป๋าสตางค์ของหลวงพ่อเจ้าอาวาส หยิบขึ้นมาเปิด ป้าหรี่ตาจ้องมองเป๋งเลย เปิดกระเป๋าคนอื่นทำไม ป้าเห็นเปิดเเล้วทำท่าเหมือนนับดูเงิน ขณะเดียวกัน ก็ดึงกระเป๋าสตางค์ตัวเองออกมาจากกางเกง หยิบธนบัตรออกมานับปึกหนึ่ง ใส่ลงในกระเป๋าของอีกฝ่าย ป้าถอนใจอย่างโล่งอก รู้สึกตื้นตันจนน้ำตาซึม นึกไป
"สงสัยซะใหญ่โต ที่เเท้คุณเด็ดก็ห่วงน้องจะไม่มีเงินใช้ กำลังเรียนปีสุดท้าย ต้องใช้จ่ายมาก ส่วนคุณเด็ดเรียนจบเเล้ว มีงานทำรายได้ดี จึงเอามาเเอบเเบ่งให้ใช้ ถ้าให้ซึ่งๆหน้า ฝ่ายน้องก็คงไม่ยอมรับ คงบอกคอเป็นเอ็นว่า มีเเล้ว มีเเล้ว ทั้งที่มีบาทเดียวก็ได้ว่ามีเเล้วนั่นเอง"
นับเเต่วันนั้นมา ป้าจะได้ยินคนคลานเคลื่อนไหว ขณะนั่งสมาธิอีกกี่ครั้ง ก็ไม่กังวลห่วงใย
จนต้องลืมตาดูอีกเลย
ทำให้ความทรงจำของป้าเกี่ยวกับบ้านธรรมประสิทธิ์ ล้วนเเต่เป็นความทรงจำที่มีความอบอุ่น เป็นความทรงจำในอดีตที่ไม่มีวันย้อนกลับมาเกิดใหม่ได้อีก เเละให้ข้อคิดตามที่ป้าได้บันทึกไว้ว่า
คนมีความทุกข์ จะเป็นทุกข์เเง่ใดก็ตาม จะขวนขวายสนใจ เเละเอาจริงต่อการศึกษาเล่าเรียน ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา ตรงข้ามกับคนที่มีความสุข มีความสมบูรณ์พรั่งพร้อม ในโลกธรรม ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มักเป็นผู้ประมาทมัวเมา มองไม่เห็นคุณค่าของคำสอน เเละมักถือว่า ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องทำตาม ชีวิตก็สุขสบายดีเเล้ว ไม่รู้ความจริงว่า ที่ตนสุขสบายอยู่นั้น เพราะผลของกรรมดี ที่ทำไว้ในอดีตค้ำจุนอยู่ เมื่อใดบุญนั้นหมดลง กรรมชั่วอื่นๆที่ค้างอยู่ก็คงตามมาให้ผลเเทน เมื่อนั้นก็ต้องพบกับความวิบัติเเน่นอน....
จากหนังสือ จากความทรงจำ เรื่องกำเนิดวัดพระธรรมกาย
โดยอุบาสิกาถวิล วัติรางกูล
หมายเหตุ ชื่อเรียก"คุณเด็ด" มาจากนามเดิมก่อนบวชของพระภาวนาวิริยคุณ คือ นายเผด็จ ผ่องสวัสดิ์