วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563


มีเรื่องในอดีตที่แทบจะเป็นความลับระหว่าง กองทัพนาซี และหน่วยมอสสาด ซึ่งเป็นหน่วยสืบราชการลับที่เลื่องชื่อของประเทศอิสราเอล ซึ่งดูเหมือนเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน แต่กลับจ้างคนทำงานคนเดียวกัน และคนๆนั้นไม่ใช่คนระดับธรรมดาเสียดาย แต่เป็นถึงหัวหน้าหน่วยรบพิเศษของนาซี หรือช่วงนั้นคือ หัวหน้าหน่วยรบพิเศษ(SS)ของฮิตเลอร์ด้วย

พันโทอ๊อตโต้  สกอร์เซนี่ นายทหารชาวเยอรมันแท้ๆ ซึ่งมีความสูงถึง 6 ฟุต 4 นิ้ว และมีรอยบากที่หน้า ทำงานให้กองทัพเยอรมันในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ผลงานการทำงานยอดเยี่ยม จนได้รับการกล่าวขานจากหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ และอเมริกา ในสมัยนั้นว่า เป็น บุคคลอันตรายที่สุดในยุโรป  อ๊อตโต้สร้างผลงานที่มีชื่อเสียงให้กับตัวเอง
หลายเหตุการณ์ อาทิเช่น ในปี 1943 เขาอยู่เบื้องหลังการช่วยเหลือ มุสโสลินีให้หนีรอดในช่วงที่เขาถูกโค่นล้มโดยรัฐบาลอิตาลี  นอกจากนี้ เขายังมีส่วนร่วมในการยึดครองประเทศฮังการีหลังจากที่รัฐบาลหุ่นของฮังการี ได้แอบเจรจาสงบศึกกับโซเวียตลับหลังฮิตเลอร์ในปี 1944 ซึ่งเหตุการณ์เข้าไปมีส่วนร่วมนี้ทำให้มีการส่งตัวชาวยิวนับหมื่นคนที่หลงเหลือ มีชีวิตอยู่ในฮังการี ต้องถูกส่งไปยังค่ายกักกัน และเสียชีวิตไปในค่ายเหล่านั้น นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าเขาอาจจะได้รับมอบภารกิจในการลอบสังหาร ประธานาธิบดีรูสเวลดท์  ,นายกรัฐมนตรีเชอชิล และแม้กระทั้งสตาลินที่กรุงเตหะราน แต่เนื่องจากมีข่าวรั่วออกมาก่อน แผนการลอบสังหารที่จึงได้ถูกยกเลิกไป

แต่ภายหลังการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง อ๊อตโตได้ถูกจับกุมโดยประเทศสหรัฐอเมริกา และระหว่างถูกจำขังเพื่อรอการพิจารณาโทษ ในปี 1947 เขาก็สามารถหนีออกไปได้ โดยเล่ากันว่ามีลูกน้องทหารหน่วย SS ของเขาได้ปลอมตัวเป็นทหารอเมริกันลอบเข้าไปพาเขาหลบหนีออกไปได้ แต่ตัวเขาเองให้การภายหลังจากการเขียนบันทึกส่วนตัวว่า ทางการสหรัฐฯได้ยินยอมให้เขาหนีออกไปเอง แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ได้ไปตั้งรกราก สร้างชีวิตใหม่ที่สเปนในปี 1950

                แต่แล้วช่วงปี 1962 หน่วยมอสสาด  ได้นำตัวไอค์มันน์ หรือ อดอล์ฟ ไอชมันน์ ผู้สั่งรมแก๊สชาวยิวในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งถูกจับกลุมได้ที่อาร์เจนตินา โดยสายลับหน่วยมอสสาดและส่งตัวมากักขัง และขึ้นศาลที่นครเยรูซาเล็ม และสุดท้ายก็โดนประหารในที่สุด ทำให้เหล่าอดีตทหารนาซีที่ยังหลบหนี และมีชีวิตอยู่ตามประเทศต่างๆเกิดความหวั่นวิตก และเมื่อยิ่งมีรายชื่อตามล่าอดีตนาซี ที่จัดทำโดย ซิมอน วีเซนธาน นักล่านาซีหลุดรอดออกมา ยิ่งทำให้เกิดความกลัวจนแทบเสียขวัญอีกด้วย

                ปะเหมาะกับช่วงนั้นประเทศอิสราเอลกำลังพบกับสงครามรอบด้าน โดยฝ่ายตะวันออกกลางนำโดยอียิปต์ที่มุ่งโจมตีประเทศนี้อยู่ ซึ่งอียิปต์ได้จ้างเหล่านักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันอดีตนาซี เข้ามาทำวิจัยผลิตจรวดขีปนาวุธที่ยิงออกจากอียิปต์แล้วไปตกตรงไหนก็ได้ของอิสราเอลตามที่ต้องการ หน่วยมอสสาดจึงจำเป็นจะต้องหยุดยั้งโครงการยิ่งถล่มประเทศนี้ให้ได้   หัวหน้าหน่วยมอสสาดภาคพื้นยุโรปในขณะนั้นคือ ราฟฟี่  ไอทาน ได้เสนอวิธีการ เกลือจิ้มเกลือ คือ ให้เยอรมันจัดการเยอรมันด้วยกันเอง เขาจึงเสนอให้จ้าง พันโทอ๊อตโต้  สกอร์เซนี่ ซึ่งกำลังลี้ภัยอยู่ที่สเปนมาจัดการเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายๆฝ่ายมองว่าไม่สามารถเป็นไปได้


                แต่ทว่าในปี 1962 สายลับมอสสาดสองคนที่ปลอมตัวเข้าไปในสเปน และตีสนิทกับ สกอร์เซนี่และภรรยาที่ผับแห่งหนึ่งได้สามารถเจรจา ตกลงเงื่อนไขการทำงานกับสกอร์เซนี่ได้ โดยสกอร์เซนี่ไม่ได้ต้องการเงินตอบแทนใดๆ แต่ขอสิ่งตอบแทนเป็นการถอดชื่อเขาออกจากแฟ้มบัญชีดำของกลุ่มนักล่านาซีด้วย ซี่งหน่วยมอสสาดก็พยายามที่จะถอดถอนชื่อออก แต่ไม่เป็นผลสำเร็จเนื่องจาก ซิมอนไม่ยอมตกลง จนท้ายที่สุดหน่วยมอสสาดก็ได้ใช้อุบายปลอมเอกสารขึ้นมา แล้วเอามาให้สกอร์เซนี่ดูว่าไม่มีชื่อแล้ว  ทางสกอร์เซนี่จึงเริ่มภารกิจไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่ทางโทรศัพท์ หรือส่งจดหมาย ลอบวางระเบิด ลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันที่กระจัดกระจายไปทั่วโลกและทำงานให้งานวิจัยของอียิปต์อยู่ แผนการลอบสังหารนี้เป็นไปด้วยดีโดยไม่มีใครรู้เลยว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง แม้กระทั่ง ไฮนซ์  ครู้ก หนึ่งในหัวหน้าโครงการวิจัยนี้หวาดผวากับเหตุการณ์ล่าสังหาร ต้องจ้างสกอร์เซนี่มาคุ้มครอง โดยที่ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าสกอร์เซนี่เองก็รับงานของหน่วยงานมอสสาดมาอีกที แล้ววันหนึ่งเขาก็หายตัวไปจากเมืองมิวนิค เยอรมีระหว่างเดินทางไปทำงานอย่างไร้ร่องรอย หลังจากในตอนเช้ามีสกอร์เซนี่และทีมงานไปรับเขาเพื่อไปส่งทำงาน ว่ากันว่า สกอร์เซนี่ได้ยิงเขาทิ้งและใช้น้ำกรดละลายศพเพื่อไม่ให้มีหลักฐานแล้วฝังไว้ในป่าที่เยอรมนี จากนั้นตั้งแต่ปี 1965 ก็ไม่เหลือนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันทำงานให้อียิปต์อีกแม้เพียงคนเดียว

                ในบั้นปลายชีวิต อ๊อตโต  สกอร์เซนี่ ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเรื่อยมาในสเปน โดยไม่มีหน่วยมอสสาด หรือใครมายุ่งกับเขาอีก จนถึงปี 1975 เขาก็ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งปอดด้วยอายุ 67 ปี ในงานศพของเขาบรรดาเหล่าเพื่อนฝูงได้มีการแสดงการไว้อาลัยด้วยการเคารพแบบนาซี และมีการร้องเพลงนาซีอย่างเปิดเผย โดยไม่มีใครที่มาร่วมงานศพนั้นได้รู้เลยว่า บุคคลที่นอนอยู่เบื้องหน้าพวกเขาเคยเป็นพวกที่หักหลังพวกเดียวกัน และเคยเป็นสายลับทำงานให้กับอิสราเอลมาก่อนเลย...

ขอขอบคุณเเหล่งภาพ      google.com

เเหล่งข้อมูลบางส่วนจาก The Wild Chronicles Group

 

 

 


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Unordered List

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

โพสต์แนะนำ

ภูติ ผี ปีศาจ เเตกต่างกันอย่างไร

                ภูติ ผี ปีศาจ เป็นคำที่เราเคยได้ยินได้ฟัง มาตั้งเเต่ยังเด็ก เเม้กระทั่งละคร ภาพยนต์ต่างๆก็จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้...

Popular Posts

Text Widget