วันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2560

คนมากราบไหว้บูชามหาธรรมกายเจดีย์รุ่นหลังๆเขาจะเห็นเเต่องค์พระธรรมกายประจำตัวที่อยู่บนเจดีย์ โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งก่อสร้างที่อยู่ใต้ดินนั้นประณีตขนาดไหน กว่าจะสร้างขึ้นมาเป็นพระมหาธรรมกายเจดีย์ให้ได้เห็นกันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลย
      วัดพระธรรมกายโดนโจมตีช่วงปี พ.ศ. 2541 มีคนบอกว่า พระธรรมกายประจำตัวที่ให้ร่วมบุญองค์ละหมื่นบาทนั้นเเพง คนพูดนี้เขาพูดเเบบคนไม่รู้เรื่อง ไม่รู้คุณค่าถึงสิ่งที่เรากำลังทำ
      หลวงพ่อท่านเลยบอกว่าต่อไปนี้ใครจะร่วมบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัวจะต้องร่วมบุญองค์ละ 15,000 บาท จากนั้นมาทุกคนต้องร่วมบุญเพิ่มจากองค์ละ 10,000 เป็น 15,000 บาท ซึ่งองค์พระธรรมกายประจำตัวของเรานั้น
ต้องตากเเดดตากฝนเป็นพันปี โลหะที่ใช้ไม่ใช่ทองเหลืองเเบบทั่วๆไป เป็นทองสัมฤทธิ์ไม่ใช่ทองสัมฤทธิ์ธรรมดา เป็นทองสัมฤทธิ์เเบบซิลิคอนด้วย
      จากเเนวคิดการสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ หลวงพ่อท่านบอกให้อยู่เป็น 1,000 ปี เพราะฉะนั้นไม่เปิดให้ใครเข้าไปภายในเจดีย์ พอบรรจุองค์พระธรรมกายประจำตัวเสร็จ ทุกอย่างก็เสร็จหมด จะไม่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์คอยดูเเลรักษาเจดีย์ เพราะฉะนั้นมหาธรรมกายเจดีย์ของเราต้องไม่ใช่เจดีย์ตายๆเเต่เป็นมหาเจดีย์ที่หายใจได้
      มหาธรรมกายเจดีย์ทำความสะอาดด้วยตัวของตัวเอง เมื่อฝนตกลงมาจะ
ชะล้างฝุ่นที่เป็นองค์พระบนโดม เเละที่เชิงลาดของมหาธรรมกายเจดีย์ ข้างในเจดีย์มีช่องอยู่ ช่องชั้นข้างบนเเละชั้นข้างล่างใต้โดมจะเป็นชั้นๆให้อากาศถ่ายเทได้ หมายถึงอะไร เวลาเเดดส่องมา องค์เจดีย์จะร้อนมาก คนอยู่ไม่ได้ เอามือเเตะไม่ได้ อุณหภูมิประมาณสัก 76 องศาพอร้อนจัด อากาศที่อยู่ข้างในก็จะขยายตัว ลอยตัวขึ้นมา อากาศร้อนที่ลอยตัวขึ้นมาจะดูดอากาศเย็นที่อยู่ข้างล่างให้เข้าไปตามช่องที่เรากำหนดไว้ นี่คือการให้เจดีย์หายใจ เป็นหลักการเดียวกันกับหลักของกาลักน้ำ ซึ่งเกิดจากน้ำที่อยู่สูงกับน้ำที่อยู่ที่ต่ำเเล้วเรามีท่อต่อมันจะดูดจากข้างบนลงมาข้างล่างได้ เช่นเดียวกันอุณหภูมิสูงมันจะดูดอุณหภูมิต่ำขึ้นมา เราเรียกเทอร์โมไซฟอน(Thermosiphon)
       การที่มหาธรรมกายเจดีย์หายใจได้ จะทำให้อากาศถูกดึงออกไปเกิดการถ่ายเทอากาศ เลยทำให้ไม่อับ เเล้วเราไม่ต้องมีอิเล็กทรอนิกส์ ไม่มีไฟฟ้า เเต่ระหว่างที่เราต้องทำงานจะมีสายไฟชั่วคราว เมื่อใดก็ตามที่การก่อสร้างเสร็จหมด เราจะปิดเจดีย์ ระบบไฟฟ้าไม่มีความจำเป็นเลย เเละทุกอย่างจะอยู่ต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อย 1,000 ปี....


เหล่งอ้างอิง    เรื่องเล่าจากพระครูปลัดภูเบส ฌานาภิญฺโญ                      สโตร์หน้าวัด The Store Story

ในปัจจุบัน เทรนด์การออกกำลังกายกำลังเป็นที่นิยม ในสังคมยุคใหม่ พอๆกับการระบาดวงกว้างของสื่อโซเชียล อาจจะเป็นการง่ายในการติดต่อใคร จากห้องเล็กๆ สู่โลกกว้าง โดยมีทั้งคนรู้จัก เเละก็ไม่รู้จัก คนยุคใหม่กำลังเสพติดสื่อ จนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังป่วยเป็นโรค ที่ในอดีตไม่เคยมีมาก่อน ยา เเละการรักษา ก็ไม่เคยอยู่ในบทเรียนของเเพทย์สมัยก่อน วิวัฒนาการพัฒนาโรคภัยไข้เจ็บเราไปตามยุคสมัย จนไม่รู้ว่า ที่กำลัง เดิน ยืน นั่ง อ่านกันอยู่นี้
คุณเเน่ใจเหรอว่าคุณกำลังป่วย หรือไม่ป่วยอยู่?
การเดินไปหาหมอ รักษา กินยารักษาสารพัดโรค เเละมีปริมาณมากขึ้น ตามเเต่เครื่องมือทันสมัยทางการเเพทย์จะบ่งบอกว่า เราเริ่มป่วยเป็นอะไร เเละมีเเนวโน้มจะเป็นอะไรต่อไป กินยา รักษาโรคหนึ่ง บางทีก็ต้องเพิ่มยาเพื่อป้องกันผลข้างเคียงของการรักษายาตัวเเรก เหมือนเป็นวัฎจักรที่คนในสังคมยุคใหม่ เริ่มคุ้นเคย จนหลงลืมไปว่า บางทีการรักษา ก็ไม่จำเป็นต้องรอให้ต้องไปหาหมอ เพียงเเต่ปรับนิสัยในการใช้ชีวิตที่สุ่มเสี่ยงของเราลง ก็จะเป็นการรักษาตัวเองให้ป่วยช้าลงไปในตัว เเละหากลองสังเกต จะพบว่า คนในสมัยก่อนที่ยังไม่มีสังคมที่เจริญ มีเทคโนโลยีมากมายอย่างนี้ ไม่มีโรงพยาบาลใหญ่ๆ ยาเเพงๆ เเต่ทำไมเขาอายุยืน เเข็งเเรงกว่าคนในปัจจุบัน มีโรคร้ายเเรงไม่กี่โรค ที่ถึงเเม้จะรักษาไม่หาย ก็ไม่ต้องทรมาน กับการระโยงระยาง ยื้อเป็นเวลานานๆให้เป็นที่หดหู่เเก่ผู้พบเห็น เเละผู้เฝ้า
เเละหากย้อนไปนานกว่านั้นอีกเป็นพันๆปี ในสมัยพุทธกาลที่คนอายุกันเกินร้อยกว่าปีเป็นปกติ เขาดูเเล รักษาตัวเองอย่างไร
        เมื่อลองศึกษาเคล็ดการรักษาสุขภาพ เมื่อยามเจ็บป่วยของพระพุทธองค์ จะพบความลับของโอสถเทวดาอยู่ตัวหนึ่ง ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ในส่วนหนึ่งของ พระไตรปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มหามกุฏูราชวิทยาลัย เล่ม 19 หน้า 384 ถึงยาเทวดาที่ชื่อว่า น้ำมูตรเน่า
       
น้ำมูตรเน่า  ก็คือน้ำมูตรหรือน้ำปัสสาวะ เเม้ออกจากร่างกายใหม่ๆก็เรียกว่า น้ำมูตรเน่า ทั้งนี้เพราะออกมาจากร่างกายที่มีการเน่าเปื่อยผุพังอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น เเม้ปัสสาวะที่ยังอุ่นๆอยู่ก็ชื่อว่าเน่าเเล้ว
ประโยชน์ของการดื่มปัสสาวะ
1.ใช้ลดไข้
        ขณะที่คนไข้กำลังมีไข้ขึ้นสูง จะรู้สึกไม่สบายตัว เเละอาจเกิดอันตรายต่อคนไข้ได้ มีความจำเป็นจะต้องรีบลดไข้ลง โดยทั่วไปใช้ผ้าชุบน้ำธรรมดาเช็ดตัวสักครู่ ไข้ก็จะลดลง เพราะถ้าใช้น้ำอุ่นการดึงความร้อนออกจากภายในร่างกายไม่ดี เเละถ้าใช้น้ำเย็นจะทำให้เส้นเลือดบริเวณผิวหนังหดตัว การระบายความร้อนออกก็ไม่ดี วิธีนี้เป็นการลดไข้จากภายนอก
        พระธุดงค์นิยมลดไข้จากภายใน คือ ดื่มน้ำปัสสาวะตนเอง เนื่องจาก
ปัสสาวะเป็นสิ่งที่ร่างกายขับออกไปเเล้ว เมื่อดื่มกลับเข้าไปอีก ร่างกายก็จะรีบไล่ตะเพิดให้ขับปัสสาวะออกโดยเร็ว ยิ่งตะเพิดออกได้เร็วเท่าไหร่ ความร้อนภายในก็ถูกดึงออกมาเร็วเท่านั้น ทำให้สามารถลดไข้ ลดความร้อนภายในลงได้ฮวบฮาบทีเดียว ในกรณีอยู่ลำพังคนเดียวไม่มีใครมาเช็ดตัวให้ การดื่มน้ำปัสสาวะจึงเป็นวิธีลดไข้ที่ดีที่สุด
       ปัสสาวะที่จะใช้ดื่มนั่น โดยทั่วไปปล่อยทิ้งไว้สักครู่ ให้เย็นเเล้วจึงดื่ม ปริมาณที่จะดื่ม ใครดื่มเต็มที่ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ส่วนจะดื่มกี่ครั้ง ก็ขึ้นอยู่กับว่าไข้ลดลงได้มากน้อยเท่าไหร่เเล้ว ถ้ายังลดไม่พอใจ ก็ดื่มเข้าไปอีก 1-2 เที่ยวติดต่อกันก็ได้ ไม่มีอันตรายใดๆ

2.ใช้รักษาโรค
        เมื่อพระภิกษุอาพาธ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ใช้น้ำมูตรเน่าหรือปัสสาวะตนเองบำบัดรักษา เป็นวิธีการรักษาความเจ็บไข้ด้วยตัวเองนานกว่า 2,500 มาเเล้ว ทุกวันนี้ก็ยังทันสมัยอยู่
        ทำไม?ถึงให้ใช้ปัสสาวะของตัวเอง ตามธรรมดา เมื่อมีอะไรเเปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย ร่างกายก็จะสร้างเม็ดเลือดขาว เสมือนทหารที่ฝึกดีเเล้ว เพื่อต่อสู้กับสิ่งเเปลกปลอมด้วยการสร้างสารชนิดหนึ่งออกมาเสมือนอาวุธชีวภาค เนื่องจากมีขนาดเล็กมากๆ สารเหล่านี้จึงผ่านกระบวนการกรองออกมาปนกับปัสสาวะได้ ดังนั้นเมื่อเราดื่มปัสสาวะกลับเข้าไปอีกครั้ง
หนึ่ง ก็มีผลทำนองเดียวกับการให้เซรุ่ม เป็นการเพิ่มอาวุธชีวภาคที่ถูกสร้างขึ้นมา เฉพาะเจาะจงให้กับทหารต่อสู้กับสื่งเเปลกปลอมนั้นๆ จนกระทั่งมันลดจำนวนเหลือน้อยร่างกายก็ฟื้นจากโรคได้โดยเร็ว
       อีกทั้งเป็นเสมือนการฉีดวัคซีน หรือการปลูกฝี คือ การนำเชื้อโรคปริมาณน้อย เเละเพียงพอต่อการสร้างภูมิต้านทานมาฉีดเข้าไปในร่างกาย ทหารในร่างกายก็จะออกมาทำงาน สร้างอาวุธชีวภาคที่เฉพาะกับเชื้อโรคชนิดนี้ เมื่อเชื้อโรคปริมาณน้อยนี้หมดไป เเต่อาวุธชีวิภาพภายในร่างกายไม่ได้หมดตาม ยังคงเตรียมพร้อมที่จะใช้ต่อสู้กับเชื้อโรคชนิดนี้หากเข้ามาในร่างกายอีก ดังนั้น เมื่อเราดื่มปัสสาวะกลับเข้าไปอีกครั้งหนึ่ง สิ่งเเปลกปลอมที่ปนมากับปัสสาวะ ก็จะเป็นตัวไปกระตุ้นให้ทหารผลิตอาวุธชีวภาคที่เฉพาะเจาะจงกับสิ่งเเปลกปลอมนั้นๆ เเละพร้อมที่จะใช้ต่อสู้ เมื่อสิ่งเเปลกปลอมนั้นๆกลับเข้ามาในร่างกายอีก
การดื่มน้ำมูตรเน่า จึงสมดังพุทธพจน์ที่ว่า
อตฺตา หิ อตฺตตโน นาโถ
ตนเเลเป็นที่พึ่งเเห่งตน

เเหล่งข้อมูล    สุขภาพนักสร้างบารมี


วันศุกร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2560



พระมหาธรรมกายเจดีย์เป็นเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและก็มีพระพุทธปฏิมากรแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าล้านพระองค์ 
นกล่าวว่าร้ายพระเจดีย์ก็เท่ากับเป็นการกล่าวว่าร้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า !!!

ซึ่งกรรมจากการว่าร้ายนั้นหนักมาก แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเองพระองค์ก็ทรงเคยผิดพลาดในเรื่องนี้มา จึงเอามาเทศน์สอนสรรพสัตว์ซึ่งเรื่องมีอยู่ว่า...

ในชาติที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นนักเลงชื่อว่า “มุนาฬิ” ท่านได้ด่าพระปัจเจกพุทธเจ้าว่า “ท่านเป็นพระทุศีล ห่มจีวรหลอกชาวบ้าน ไม่ยอมทํามาหากิน มัวแต่เที่ยวเดินขออาหารจากชาวบ้าน โดยไม่มีความละอายแก่ใจ”

ด้วยกรรมนี้ทําให้ “มุนาฬิ” ตกนรกหมกไหม้ทนทุกข์ทรมานหลายพันปีนรก จนมาในภพชาติสุดท้าย แม้พระองค์จะตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็ตาม ก็ยังหนีกรรมนั้นไม่พ้น ทําให้พวกเดียรถีย์อิจฉาริษยาคิดหาอุบายวางแผนใส่ร้าย โดยส่งปริพาชิกาที่ชื่อ “สุนทรี” เดินเข้าออกในวัดพระเชตวันอยู่ 2-3 วัน ทําทีว่าไปพักอยู่ในพระคันธกุฎีเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากนั้นเดียรถีย์จึงจ้างโจรให้ไปฆ่านาง แล้วนําศพโยนทิ้งไว้หลังพระคันธกุฎี พร้อมกับทําแผนชั่วใส่ความพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นคนฆ่านาง ทําให้มีคนหลงเชื่อมากมาย แล้วพากันด่าว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยคําหยาบคาย

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น พระองค์ยังถูก “นางจิญจมาณวิกา” กล่าวตู่ว่าได้นอนในพระคันธกุฎีร่วมกับพระพุทธองค์จนนางตั้งครรภ์ทําให้ชาวบ้านบางส่วนหลงเชื่อ 

ที่เป็นเช่นนี้เพราะภพในอดีต พระองค์เคยกล่าวตู่พระอรหันต์องค์หนึ่งที่ชื่อ “นันทะ” ด้วยบาปกรรมนี้พระองค์จึงต้องตกนรกเสวยทุกข์ทรมานเป็นเวลายาวนานถึงหนึ่งหมื่นปีนรก จนเมื่อได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็ยังถูกกล่าวตู่มากมาย แม้ภพชาติที่เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว กรรมก็ยังตามส่งผลให้พระองค์ถูกนางจิญจมาณวิกากล่าวตู่ด้วยถ้อยคําที่ไม่เป็นจริงต่อหน้าสาธารณชน

จะเห็นว่า การว่าร้ายพระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์เพียงองค์เดียว ยังต้องได้รับวิบากกรรมแสนสาหัสมาทุกภพทุกชาติ ดังนั้นก็ลองคิดดูละกันว่า..การกล่าวว่าพุทธปฏิมากร ซึ่งเป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึง 1 ล้านพระองค์ จะต้องได้รับวิบากกรรมมากถึงขนาดไหน..!!!


ชาวพุทธทั่วไปเขาปฏิบัติอย่างไรเพื่อเป็นการเคารพพระเจดีย์ ?

ในประเทศเมียนมาถือว่าเป็นประเทศที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองสูงมาก เมื่อคนในประเทศนี้เดินเข้าสู่ลานพระเจดีย์หรือแม้แต่เข้าเขตวัด ทุกคนจะต้องถอดรองเท้าเพื่อแสดงความเคารพ ไม่ว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตเพียงใดก็ต้องปฏิบัติตาม

ครั้นเมื่อคราวที่อังกฤษมาบุกยึดประเทศเมียนมาเป็นอาณานิคม ข้าหลวงใหญ่ชาวอังกฤษต้องการเข้าเยี่ยมชมมหาเจดีย์ชเวดากองโดยจะใส่รองเท้าเข้าไป เพราะนับถือคนละศาสนา อีกทั้งยังถือว่าตนคือผู้มีอํานาจปกครอง

ทันทีที่ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปเท่านั้น ชาวเมียนมานับหมื่นคนก็มารวมตัวกันที่ลานพระมหาเจดีย์ชเวดากอง แม้จะไม่มีอํานาจห้ามปรามข้าหลวงใหญ่ชาวอังกฤษ ไม่มีอาวุธใดจะไปต่อสู้ แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันนอนทอดร่างเรียงต่อๆ กันจนเต็มลานพระมหาเจดีย์ โดยยอมให้รองเท้าของข้าหลวงชาวอังกฤษเหยียบย่ำลงบนร่างกายของตนดีกว่าจะยอมให้รองเท้ากระทบถูกลานพระเจดีย์

ด้วยพลังศรัทธาอันเปี่ยมล้นของชาวเมียนมาเช่นนี้ ทําให้ข้าหลวงใหญ่ชาวอังกฤษถึงกับสะท้าน และยอมถอดรองเท้าเข้าลานพระเจดีย์

จะเห็นว่า..ความเคารพของชาวเมียนมามีมากขนาดนี้ ดังนั้นพุทธศาสนิกชนชาวไทยก็ควรเอาเยี่ยงอย่าง เพราะหากเราศึกษาจากพระไตรปิฎกเล่มที่ 32 พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ 24 ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 1 เรื่องปัจจุปัฏฐานสัญญกเถราปทาน ประวัติในอดีตชาติของพระปัจจุปัฏฐานสัญญกเถระจะพบว่า..การบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้พระองค์จะมีพระชมน์ชีพอยู่ หรือปรินิพพานไปแล้ว หากจิตเลื่อมใสเสมอกัน บุญย่อมเท่ากัน  ดังคำกล่าวในพระไตรปิฏกว่า...

“หากผู้ใดพึงบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นําสัตว์โลก ยังดํารงพระชนม์อยู่ก็ดี พึงบูชาพระธาตุแม้ประมาณเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดของพระพุทธเจ้า แม้เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วก็ดี เมื่อจิตที่เลื่อมใสของผู้นั้นเสมอกัน บุญก็มีผลมากเสมอกัน เพราะฉะนั้น ท่านจงสร้างสถูปบูชาพระธาตุของพระชินเจ้าเถิด”...


Cr. ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์
สำนักสื่อธรรมะ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Unordered List

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

โพสต์แนะนำ

ภูติ ผี ปีศาจ เเตกต่างกันอย่างไร

                ภูติ ผี ปีศาจ เป็นคำที่เราเคยได้ยินได้ฟัง มาตั้งเเต่ยังเด็ก เเม้กระทั่งละคร ภาพยนต์ต่างๆก็จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้...

Popular Posts

Text Widget