วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2560


ปัจจุบันนี้ เดินไปทางไหนก็เห็นธุรกิจเสริมความงาม ลดความอ้วน ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด โดยเฉพาะจากสถิติปัจจุบัน พบว่าอัตราเด็กไทยเป็นกลุ่มเสี่ยงเป็นโรคอ้วน เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

จากการวิจัยในประเทศไทยปี พ.ศ.2539 เเละ 2544 เด็กไทยวัยก่อนเรียนเเละวัยเรียนมีความชุกของโรคอ้วนเพิ่มขึ้นร้อยละ 36 เเละ 15.5 ตามลำดับภายในระยะเวลา 5 ปี เเละตัวหมอเองเคยทำการวิจัยพบว่าเด็กนักเรียนชั้นมัธยมต้นของโรงเรียนเอกชนเเห่งหนึ่งในกรุงเทพฯเป็นโรคอ้วนมากถึงร้อยละ 25..


          
          ความอ้วนกลายเป็นโรคร้ายที่น่ากลัว จนจุดประกายธุรกิจได้อีกหลายตัว ไม่ว่าจะธุรกิจยาลดความอ้วน ,สถานที่ออกกำลังในร่มที่ทันสมัย เเต่ค่าใช้จ่ายเเพงเว่อร์ อย่างฟิตเนส
ซึ่งก็พลอยทำให้คนที่รูปร่างดีหลายๆคนได้อาชีพใหม่ โดยการเป็นพรีเซนเตอร์อาหารลดความอ้วน หรือเทรนเนอร์ออกกำลังกาย ได้รายได้เป็นกอบเป็นกำ ทั้งๆที่ความเป็นจริง ความอ้วน ไม่ใช่โรคที่มีเชื้อโรคอันตราย เเต่เป็นต้นเหตุ ของโรคที่เกิดจากเชื้อโรคตามมาได้อีกหลายโรค เมื่อความอ้วนมาเยือน เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคกระดูก ฯลฯ ดังนั้น ความอ้วนจึงกลายเป็นโรคร้ายไปด้วย
      วิธีลดความอ้วนจริงๆไม่ต้องใช้ตัวยา หรือกรรมวิธีพิศดารอะไรเลย หากรู้จักสาเหตุ เเละเเก้ไขที่สาเหตุนั้นจริงๆ เช่น รู้ตัวว่าเกิดจากนิสัยกิน ก็ต้องเเก้ที่นิสัยกิน เป็นไม่กิน หรือเลือกกิน ให้ปริมาณเข้า มันสมดุลกับปริมาณออก เเละคงอยู่ในร่างกาย การรู้จักตัวเองนี้ ว่าอะไรเหมาะ ไม่เหมาะ เเละเเค่ไหน ในทางพุทธศาสนาเรียกว่า การประมาณ ซึ่งในสมัยพุทธกาลก็ไม่ใช่ว่า โรคนี้จะไม่เคยมีมาก่อน เคยเกิดขึ้นเเละเป็นปัญหามาเเล้ว เเละพระพุทธองค์ได้ตรัสวิธีเเก้ปัญหามา ซึ่งผ่านมาสองพันห้าร้อยกว่าปี วิธีนี้ก็ยังล้ำสมัย เอามาใช้ได้ถึงปัจจุบัน วันนี้จึงจะนำเสนอวิธีไดเอ็ท หรือลดความอ้วนโดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เผื่อจะมีใครนำไปใช้ได้            
   
เหตุของการที่พระพุทธองค์ตรัสเรื่องวิธีการไดเอ็ทนี้ เกิดจาก ในสมัยนั้น มีพระเจ้าเเผ่นดินพระองค์หนึ่ง ซึ่งพระองค์ได้อุปถัมภ์ เเละอุปัฏฐาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ มีนามว่า พระเจ้าปเสนทิโกศล พระองค์มักจะมาเข้าเฝ้าเพื่อฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเคารพอยู่เสมอ เเต่เนื่องจากทรงมีพระวรกายที่อ้วนมาก อันเกิดจากสาเหตุที่ทรงเสวยพระกระยาหารจุเกินไป ครั้งละจำนวนมากๆ  ด้วยพระวรกายที่อ้วนนี้เองทำให้พระองค์ไปไหนมาไหนได้ไม่สะดวก จะลุก นั่ง ทำอะไรก็ลำบาก ด้วยทรงเหนื่อย หอบ อึดอัด อุ้ยอ้ายไปหมด จนวันหนึ่งพระองค์ได้เสด็จไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงสังเกตเห็นความอุ้ยอ้ายนั้น จึงได้ตรัสพระคาถาบทหนึ่ง เพื่อเตือนสติว่า
บุคคลผู้มีสติอยู่เสมอ รู้ประมาณในอาหารที่ได้มา
จะมีเวทนาเบาบาง เเก่ช้า มีอายุยืนนาน
(สุตตันต.เล่ม ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ข้อ ๓๖๕ หน้า ๑๑๖ )

   พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ฟัง จึงให้พระราชนัดดา(หลาน) ของพระองค์คอยว่าคาถานี้ทุกครั้งที่ พระองค์กำลังจะเสวยพระกระยาหาร เพื่อเป็นการเตือนสติให้รู้จักประมาณในการกิน ซึ่งต่อมาพระองค์ก็สามารถลดความอ้วนได้สำเร็จเพราะพระคาถานี้เอง
  จะเห็นได้ว่า วิธีที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้ในการสอน เเม้เรื่องเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับสุขภาพนี้ ทำได้จริง ผู้อ่านเองก็สามารถนำวิธีเเบบพระเจ้าปเสนทิโกศลไปใช้ได้เช่นกัน เเม้จะไม่ใช่เเค่เรื่องกิน เเต่เป็นการใช้ชีวิตทั่วไป
หากเรารู้จักประมาณตน ประเมินกำลัง ทั้งกาย เเละกำลังความคิด เราก็จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำอยู่ เเละมีความสุขในสิ่งที่เป็นอยู่ เเล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ มีสุขภาพที่ดี ทั้งกายเเละใจ

เเหล่งอ้างอิง : http://www.truelife.com/old/detail/700769#sthash.Qa1dJ13X.dpuf  (รศ.นพ.สังคม                     จงพิพัฒน์วณิชย์)

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Unordered List

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

โพสต์แนะนำ

ภูติ ผี ปีศาจ เเตกต่างกันอย่างไร

                ภูติ ผี ปีศาจ เป็นคำที่เราเคยได้ยินได้ฟัง มาตั้งเเต่ยังเด็ก เเม้กระทั่งละคร ภาพยนต์ต่างๆก็จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้...

Popular Posts

Text Widget