ความรู้สึกน้อยใจนั้นละเอียดอ่อนกว่าความรู้สึกอื่นๆ ถ้าจะให้เเสดงออกมา ตัวเองก็จะรู้สึกต่ำต้อย เเต่ถ้าให้อยู่เฉยๆไม่พูดออกไป ก็ได้เเต่เก็บสะสมไว้ เป็นความรู้สึกที่ยากจะทำอะไรได้ ถ้ารู้สึกไม่ยุติธรรมก็บ่นออกมา ถ้าเสียใจก็ยังร้องไห้ได้ เเต่ถ้ารู้สึกน้อยใจ ทำได้เเต่เก็บไว้ในใจ ไม่ใช่เรื่องที่จะรับมือกับมันได้ง่ายๆ
ความจริงที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับความรู้สึกน้อยใจ เป็นสิ่งที่คนที่อยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาเเม่จะไม่ค่อยกล่าวคำพูดประเภทที่ว่า " ฉันน้อยใจเธอ " เเม้จะได้ยินคำที่มีความหมายคล้ายกัน เช่น " ฉันเสียใจ ฉันเสียดาย โกรธเพราะเธอ " เเต่ก็ยังไม่เคยได้ยินคำไหนที่ใกล้เคียงกับ " ฉันน้อยใจเธอ " จริงๆคงเป็นเพราะคำว่า น้อยใจ ในภาษาทางฝั่งเอเซีียที่ค่อนข้างพิเศษ "น้อยใจ'' คือความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนที่เราคาดหวังสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากอีกฝ่ายไว้ในใจ เเต่อีกฝ่ายไม่รู้ จังไม่ทำ หรือไม่สนใจสิ่งนั้น กล่าวคือ จะต้องให้ฉันพูดออกมาหรือเธอถึงจะรู้ ดูสีหน้าหรือสถานการณ์เเล้วไม่รู้หรือว่าฉันต้องการอะไร นี่เเหละคือ "น้อยใจ''
นักภาษาศาสตร์บอกว่า ภาษาอังกฤษหรือภาษาเยอรมันไม่เหมือนภาษาเกาหลีของเรา เพราะเวลาสนทนาเราจะใช้ภาษากายในการสื่อสารเยอะ กล่าวง่ายๆคือเราไม่ได้ใช้เพียงคำพูด เเต่จะพิจารณาสถานการณ์ก่อนหลัง ร่วมกับการสื่อสารผ่านสีหน้า ท่าทาง สำเนียง ความดังของเสียง ระยะห่างของความสัมพันธ์ สายตา เเละอื่นๆ ส่วนเวลาที่พูดก็จะเเสดงออกด้วยภาษาที่สุภาพมากกว่าจะพูดตรงๆ
นั่นหมายความว่าการสื่อสารในภาษาของคนฝั่งเอเซีย จะต้องรู้จักช่างสังเกตจึงจะสามารถสื่อสารได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนเด็กที่เติบโตทางตะวันตกพ่อเเม่จะสอนมาตั้งเเต่เด็กๆว่า ถ้าต้องการอะไรให้พูดออกมา ไม่ใช่เเสดงออกทางสีหน้าในทางตรงข้าม พวกเราโตมากับการโดนผู้ใหญ่ดุเมื่อเถียง ด้วยเหตุนี้เราจึงเเสดงออกในสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมาเป็นคำพูดได้ไม่เก่งเท่าชาวตะวันตก
คนสมัยนี้น้อยใจในเรื่องอะไรกันบ้าง
เด็กจะน้อยใจเมื่อรู้สึกว่าพ่อเเม่สนใจตัวเองน้อยกว่าพี่น้องคนอื่นๆ ในทางตรงข้ามพ่อที่น้อยในเมื่อถูกลูกเเละภรรยาปล่อยให้โดดเดี่ยว ทั้งๆที่ตัวเองตั้งใจทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวก็มีให้เห็นอยู่มาก หรือภรรยาน้อยใจสามีที่ไม่เข้าข้างตัวเองเมื่อมีปัญหากับคนในครอบครัวของเขา หนุ่มสาวที่เป็นเเฟนกันน้อยใจอีกฝ่ายที่เปลี่ยนไป จากที่เคยใส่ใจตอนคบกันใหม่ๆกลายเป็นความหมางเมิน ลูกน้องที่น้อยใจเพราะหัวหน้าเอาโปรเจ๊กต์ที่ตัวเองทำจนดึกดื่นไปทำเหมือนเป็นของตัวเอง น้อยใจเพื่อนร่วมงานหรือรุ่นน้องที่ไม่ให้เกียรติ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าตัวเองจะเป็นคนช่างสังเกตเเค่ไหน เเต่หากอีกฝ่ายไม่พูดออกมา การจะอ่านใจให้รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรให้ได้ทุกครั้งไปคงยากมากๆ เราไม่ได้มีพลังวิเศษที่อ่านใจคนได้ จะไปล่วงรู้อยู่ตลอดว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ได้อย่างไร ดังนั้นเวลาที่รู้สึกน้อยใจ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดอย่ามัวเเต่เก็บความทุกข์ไว้ในใจว่าทำไมเขาถึงไม่รู้ใจเรา เเต่ต้องพูดความในใจของเราออกมา
วิธีการเเก้ปัญหาผ่านการพูดคุยกันก็คือ ให้รีบพูดออกมาตั้งเเต่ตอนที่เพิ่งเริ่มรู้สึกน้อยใจใหม่ๆเเทนที่จะเก็บกักความรู้สึกนั้นไว้ เเม้ยากที่จะพูด เเต่ความน้อยใจนั้นเพียงเราพูดมันออกมาให้ได้ก็ไม่มีปัญหาเเล้ว ทั้งนี้เพราะคนเราส่วนใหญ่มักไม่ได้มีเจตนาวางเเผนเพื่อทำให้คนอื่นน้อยใจหรอก เเต่ถ้าเราไม่พูด ความรู้สึกนั้นจะสะสมหนักขึ้นจนกลายเป็นความรู้สึกโกรธได้ เเละถ้าปปล่อยให้สถานกาณ์เป็นเเบบนี้ต่อไป วันหนึ่งที่ความรู้สึกซึ่งเก็บกดไว้ระเบิดออกมา มันจะพุ่งไปที่อีกฝ่ายโดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นเราต้องพูดออกมาให้ได้เสียตั้งเเต่เเรก
เพียงเเต่เวลาที่เราพูดห้ามใช้วิธีโจมตีหรือต่อว่าอีกฝ่ายอย่างเด็ดขาดเเละต้องไม่พูดในเวลาที่กำลังโกรธด้วย เเต่ให้เราอธิบายความรู้สึกของเราออกมาในตอนที่อารมณ์สงบเเละไม่โมโห ครั้งเเรกอาจจะรู้สึกขัดเขิน เเต่ถ้าฝึกไปเรื่อยๆทีละนิด เราจะสามารถพูดออกมาได้โดยไม่ทำลายความสัมพันธ์กับคนที่สำคัญกับเรา เเละยังไม่จำเป็นต้องเก็บกดความรู้สึกของตัวเองไว้อีกด้วย เช่น พูดอย่างนิ่มนวลว่า "ฉันเเอบน้อยใจนิดนึงเเล้วละ "
สุดท้ายถ้าเรารู้สึกว่าตัวเองน้อยใจบ่อยกว่าคนอื่น เราก็ควรหันมาทบทวนตัวเองให้ถี่ถ้วน ความน้อยใจมักเกิดขึ้นเมื่อเราคาดหวังอะไรจากคนอื่นเเม้เพียงเล็กน้อย เราจึงต้องทบทวนว่าทำไมเราถึงคอยจะพึ่งคนอื่นอยู่บ่อยๆ ทำไมถึงคอยจะเป็นฝ่ายรับอยู่ตลอดเวลา สาเหตุอาจมาจากพื้นฐานการเติบโตหรือบาดเเผลในใจของเราก็ได้ หรือว่าตอนเด็กๆเราอาจไม่ได้รับการยอมรับเเละความสนใจจากพ่อเเม่ ทำให้เราอยากได้รับสิ่งนี้จากคนอื่น ทบทวนให้ดีว่าที่เราน้อยใจง่ายเป็นเพราะบาดเเผลในใจที่เราเองก็ไม่รู้มาก่อนหรือเปล่า
นอกจากนี้ เวลาที่เรารู้สึกน้อยใจให้ลองหันกลับไปมองว่าเมื่อก่อนเราเคยทำให้คนอื่นน้อยใจด้วยสาเหตุเดียวกันนี้ไหม ก็จะช่วยให้เราจัดการกับความรู้สึกน้อยใจของตัวเองได้
เเหล่งอ้างอิง จงรักในความไม่สมบูรณ์เเบบของตัวเอง พระเฮมิน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น