ครึ่งศตวรรษ แต่ที่เจ็บปวดยิ่งกว่าเจ็บปวดก็คือ
จากคดีเลื่อนลอยที่ไร้เจ้าทุกข์ เพียงคดีเดียว มาตอนนี้พื้นที่อันกว้างขวาง
ของวัดพระธรรมกายทั้งหมด แทบไม่พอสำหรับเก็บคดีแล้ว
ถ้าธรรมกายถอยหลังหมายถึงยกวัดทั้งวัดให้เขาไปเรียบร้อยแล้วแต่
ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ มีสิทธิ์เป็นไปได้สูงมากที่พระทั้งหมดในวัดจะถูกจับสึก
ด้วยข้อหาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาแล้วไม่ให้ประ
กันตัวก็ต้องถูกจับสึกโดยไม่ต้องสงสัยยิ่งพิจารณา ก็ยิ่งมองเห็นภาพชัดเจน
เป้าหมายแท้จริง ไม่ได้อยู่ที่หลวงพ่อแค่รูปเดียว แต่อยู่ที่ทั้งวัดทั้งทรัพย์สิน
และบุคลากร ของวัดทั้งหมด โดยรวมก็หมายถึงพุทธศาสนานั่นเอง
ถ้าเป้าหมายอยู่ที่หลวงพ่อรูปเดียว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายการเข้าไป
แจ้งข้อหากับท่านในวัด ตั้งแต่ตอนต้นคดีก็เข้าสู่กระบวนการเรียบร้อยแล้ว
แต่เพราะไม่ได้อยู่ที่หลวงพ่อรูปเดียวจึงเลี่ยงไม่ไป แจ้งข้อกล่าวหาที่ในวัดเพื่อสร้างเรื่องราวให้บานปลาย
ถ้าพูดถึงการรบ ไม่ได้ต้องการแค่การเด็ดหัวผู้นำ
แต่ต้องการยึดเมืองและกำจัดประชาชนทุกคนที่อยู่ในเมืองไม่
ให้เหลือเผ่าพันธ์สืบทอดอีกต่อไปถ้ามองในมุมนี้จะเห็นภาพชัดเจน
มิได้แค่ต้องการกำจัดวัดพระธรรมกายแผนสกปรกมาก
เท่านั้นแต่ต้องการทำลายพุทธศาสนา
ในประเทศไทยด้วย
การยื้อเรื่องราวให้ใหญ่โตยาวนาน
ก็น่าจะเป็นยุทธศาสตร์อย่างหนึ่ง
เพื่อให้สื่อสีเทามีพื้นที่ข่าว ในการทำลายศาสนาพุทธ โดยชาวพุทธไม่รู้ตัว
แต่เป้าหมายหลักคงมีเพียง 2 อย่าง
1.ถอนรากถอนโคน วัดพระธรรมกาย
ด้วยการกำจัดบุคลากรทั้งหมดของวัด
เพื่อบั่นทอนกำลังหลักพุทธศาสนา
2.ยึดทรัพย์สินทั้งหมดของวัด เฉพาะ
ทองคำก็ 8ตันแล้วถ้านับรวมทรัพย์สิน
อย่างอื่นอีกไม่รู้กี่แสนล้าน
#ธรรมกายถูกบังคับด้วยเล่ห์เพทุบาย
ให้เดินทางถึงจุดที่ถอยไม่ได้แล้ว ถ้า
ถอยหมายถึงการสูญสิ้นหมดทุกอย่าง
ทั้งวัดและอิสรภาพ
เเล้วอย่างนี้ ยังจะวางอุเบกขากันอยู่อีกหรือ????
Cr. เรชุงปะ ศิวโมกข์
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น