ขอชื่นชมเเละเเสดงความยินดีกับน้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ ที่คว้าแชมป์หญิงเดี่ยวสิงคโปร์โอเพ่น ซูเปอร์ซีรีส์ 2016 ได้สำเร็จ ต่อจากมาเลเซีย โอเพ่น ซูเปอร์ซีรีส์พรีเมียร์ 2016 และอินเดีย โอเพ่น ซูเปอร์ซีรีส์ 2016 ถือเป็นการคว้า 3 แชมป์ซุปเปอร์ซีรีย์ติด ในรอบ 3 สัปดาห์ จนสามารถขึ้นมือหนึ่งโลก รอจ่อไปชิงเหรียญโอลิมปิกครั้งที่ 31 กลางปีนี้ ที่บราซิล
โดยผลงานสร้างความประทับใจให้ประชาชนทุกคน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ยังแนะนำทุกฝ่ายร่วมเชียร์กันต่อไปด้วยความรัก อย่ากดดัน เพราะทุกคน
ย่อมมีเวลาที่พร้อมและเวลาที่เพลีย ขณะเดียวกัน ได้เชิญชวนคนไทยเชียร์นักกีฬาแบดมินไทยเดินหน้าคว้าโควตาไปโอลิมปิคบราซิลต่อไป
จากมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 30 หรือที่เรียกว่า"ลอนดอนเกมส์"ในปี 2555
"น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์ สาวน้อยวัย 17 ปี มือ 10 ของโลก ที่โอกาสเข้ารอบ 4 คนสุดท้าย มีแล้วแต่ก็แพ้ความเก๋าเกมของ หวัง ซิน มือ 2 ของโลก จากจีนไป อย่างได้ใจคนไทยทั้งประเทศ ผ่านมา สี่ปีเธอก็ได้พิสูจน์ให้เห็นเเล้วว่า "เธอไม่ได้มาเล่นๆ" ตั้งเเต่เเรก
มาตามดูเส้นทางชีวิตของน้องเมย์กัน กว่าจะก้าวขึ้นมาเเชมป์อย่างทุกวันนี้เธอผ่านอะไรมาบ้าง
‘น้องเมย์' รัชนก อินทนนท์ เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538 เป็นชาวจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นบุตรสาวของ คุณพ่อวินัสชัย อินทนนท์ และคุณแม่คำผัน สุวรรณศาลา "น้องเมย์" เริ่มฝึกวิทยายุทธ์ลูกขนไก่อย่างจริงจังครั้งแรกด้วยวัยเพียง 5 ขวบเท่านั้น จากนั้น 2 ปี ก็ลงแข่งขันเป็นครั้งแรก และเริ่มพัฒนาฝีมือของตัวเองมาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถคว้าแชมป์ในการแข่งขัน "อุดรธานีโอเพ่น" หลังจากนั้นก็ครองแชมป์ในการแข่งขันรายการนี้มาตลอด
จากนั้น "น้องเมย์" ก็ได้เข้าสู่ทีม
บ้านทองหยอด และเริ่มลงเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากขึ้น ด้วยการลงแข่งแบบข้ามรุ่น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง ตามแนวทางของสังกัดที่ต้องการให้ "น้องเมย์" เป็นหนึ่งในวงการลูกขนไก่เมืองไทย และความปรารถนาของสังกัดก็เป็นจริง เมื่อ "น้องเมย์" ด้วยวัยเพียง 14 ปี ก็ก้าวขึ้นมาครองแชมป์ประเทศไทยได้อย่างสมศักดิ์ศรี และก็เป็นกำลังสำคัญของทีมชาติไทยจากนั้นเป็นต้นมา
โดยรายการแรกในนามทีมชาติไทย ครั้งแรกของ "น้องเมย์" คือการแข่งขันซีเกมส์ ที่สปป.ลาว ซึ่งครั้งนั้นเธอก็สามารถที่จะคว้าเหรียญเงินให้กับทีมได้ในประเภทบุคคลหญิง ซึ่งน้องบอกว่า "ครั้งที่ติดทีมชาติครั้งแรก เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก และก็รู้สึกภูมิใจที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย"
เมื่ออายุ 14 ย่าง 15 ปี "น้องเมย์" ก็สามารถที่จะคว้าแชมป์เยาวชนโลกมาครองได้ จากนั้นก็คว้ามาได้ในอีก 2 ปีต่อมา ทำให้เธอกลายเป็นนักแบดมินตันหญิงคนแรกของโลก ที่สามารถคว้าแชมป์เยาวชนโลกได้ 3 สมัยซ้อน จนในปี พ.ศ. 2552 ทางสหพันธ์แบดมินตันโลกก็มอบรางวัลนักแบดมินตันดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีให้ "น้องเมย์" และเจ้าตัวก็ตั้งความหวังว่าจะเป็นนักแบดมินตันหญิงคนแรกที่คว้าแชมป์เยาวชนโลกได้ 5 สมัยติดต่อกัน
และด้วยวัยเพียง 17 ปี "น้องเมย์" ก็ก้าวขึ้นเป็นมืออันดับที่ 10 ของโลก และก็สามารถเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ได้อย่างไม่ต้องเหนื่อยเท่าใด ถึงแม้ 3 รายการหลังที่ต้องเก็บคะแนน "น้องเมย์" จะทำผล
งานได้ไม่ดีเท่าที่ควร
เมื่อเข้าสู่การแข่งขันจริง "น้องเมย์" ก็โชว์ผลงานได้ดีตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มด้วยการชนะนักตบจาก ศรีลังกา และโปรตุเกส ชนิดที่ว่าขาดลอย 2-0 เกม และรอบ 16 คนสุดท้าย "น้องเมย์" ก็เป็นที่จดจำของคนทั่วโลกมากขึ้น เมื่อสามารถพิชิต จูเลี่ยน เชงค์ มือ 6 ของโลก จากเยอรมนี ไปได้แบบขาดลอยอีกครั้ง แต่เมื่อเข้าสู่รอบ 8 คนสุดท้าย "น้องเมย์" ก็สู้ความเก๋าของ หวัง ซิน ไม่ได้พ่ายไปอย่างน่าเจ็บใจ 1-2 เกม หยุดเส้นทางโอลิมปิกเพียงแค่รอบนี้
แต่สิ่งที่ทำให้ "น้องเมย์" ได้ใจแฟนขนไก่ทั่วโลกก็คือ ความมีใจสู้ และเป็นนักกีฬาที่มีสัมมาคารวะ ทุก
ครั้งที่จบเกมไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ "น้องเมย์" จะแสดงมารยาทแบบไทยด้วยการยกมือไหว้ขอบคุณแฟนๆ ไปทั่วสนาม สร้างความชื่นชอบต่อแฟนชาวต่างชาติไม่น้อย เมื่อฟังได้จากเสียงปรบมืออันกึกก้องหลังจบเกม
เเม้กระทั่งวันนี้เธอก็ชนะ ทั้งในจอ เเละ นอกจอสนาม
พร้อมทั้งเสียงกระหึ่มทั่วไทยว่า
เมย์เดย์! เมย์เดย์! เมย์เดย์!
เรื่องโดย "SuperBank" http://sport.sanook.com/6142/
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น