วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2559
ปัญหาจริงคือสหกรณ์มีเงินหมุนเวียน 21,000 ล้าน
แต่ไปปล่อยกู้ 12,000 ล้าน จนขาดสภาพคล่อง
บัญชีติดลบ หมุนเงินไม่ได้ จนจะล้มละลาย
ทางแก้ที่ถูกต้องที่จะฟื้นฟูสหกรณ์ได้คือ
1. ต้องขอผ่อนผันจากเจ้าหนี้
2. ต้องหาแหล่งเงินทุนเพิ่ม
3. ต้องทวงเงินจากลูกหนี้
4. ต้องเพิ่มฐานสมาชิก
ไม่ใช่ปล่อยให้ DSI มาตั้งข้อหาฟอกเงินตามใจชอบ
ซึ่งเท่ากับเป็นการแช่แข็งธุรกรรมการเงินของสหกรณ์แบบ 100 %
และมีโอกาสล้มละลายอย่างแน่นอน เพราะจะไม่มีสถาบันการเงินใดๆ ยอมปล่อยกู้ให้สกหรณ์อย่างแน่นอน ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก
ศิษย์วัดพระธรรมกายเข้าใจถึงสถานการณ์เรื่องนี้
จึงตั้งกองทุน 600 กว่าล้าน เพื่อช่วยให้สหกรณ์ฟื้นตัว
เพื่อช่วยให้สมาชิกสหกรณ์ 53,000 คน ไม่ล้มละลายตามไปด้วย
เพราะรู้ว่าในสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้
ยากที่จะมีสถาบันการเงินใดยอมปล่อยกู้ให้อีก
มิหนำซ้ำ การที่สหกรณ์อ่อนแอแบบนี้
คู่แข่งอื่นยิ่งมองเป็นโอกาสดีที่จะลดคู่แข่ง
ซึ่งเป็นธนาคารประชาชนขนาดใหญ่ลงไปอีก 1 รายด้วย
แต่แล้วปัญหากลับยิ่งเลวร้ายลง
เมื่อ DSI กลับมาตั้งข้อหาฟอกเงินเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
ซึ่งกระทบกระเทือนใจต่อกลุ่มลูกศิษย์ที่ลงขันช่วยสหกรณ์เป็นอย่างมาก
1. รู้สึกเหมือนถูกสหกรณ์หักหลัง ทั้งที่จริงใจช่วยเหลือ
2. รู้สึกเหมือน DSI ต้องการเจาะจงเล่นงานเฉพาะวัดพระธรรมกาย
3. รู้สึกเหมือนกำลังหลอกสมาชิกสหกรณ์ 53,000 คน ว่าเงิน 12,000 ล้าน สามารถตามทวงคืนได้ที่วัดพระธรรมกาย
>>>>แต่ในความเป็นจริง เงิน 12,000 ล้านนั้น
จากเช็ค 857 ใบนั้นถูกกระจายออกไป 7 กลุ่ม
ใน 7 กลุ่มนี้ มี 5 กลุ่มที่เป็นลูกหนี้สหกรณ์ส่วนอีก 2 กลุ่ม
คือ วัดพระธรรมกายและวัดต่างๆ คือผู้รับเคราะห์จากการรับเช็คที่มีผู้ยืมเงินสหกรณ์มาทำบุญ
เรื่องที่มันเจ็บปวดก็คือ DSI ไม่ไปตามเงินจากกลุ่มอื่นเลย
แต่เจาะจงมาตั้งข้อหาฟอกเงินกับเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเพียงผู้เดียวทั้งๆ ที่ท่านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับสหกรณ์แม้แต่น้อยเลย มิหนำซ้ำ ลุกศิษย์ของท่านยังแทบจะเป็นแหล่งเงินทุนกลุ่มเดียว
ที่ช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ 53,000 คน ในเวลานี้อีกด้วย
ท่านลองพิจารณาดูกันเถิดว่า
1. เงินสหกรณ์หายไป 12,000 ล้าน จากเช็ค 857 ใบ แต่เหมารวมทุกฉบับมาตั้งข้อหาฟอกเงินกับเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายรูปเดียว เป็นการใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมหรือไม่
2. การตั้งข้อหาฟอกเงินของ DSI กับเจ้าอาวาสัวดพระธรรมกาย จะช่วยให้สหกรณ์ฟื้นตัวและได้เงิน 12,000 ล้านคืนจากลูกหนี้ได้จริงหรือไม่
3. การตั้งข้อหาฟอกเงินกับผู้รับปลายทาง ที่สุดแล้วก็ต้องย้อนกลับไปที่ต้นทางคือสหกรณ์ด้วยโดยปริยาย ถ้าสหกรณ์มีแนวโน้มจะโดนตั้งข้อหาฟอกเงินไปด้วย จะมีแหล่งเงินทุนยื่นมือมาช่วยสหกรณ์หรือไม่
4. ถ้าสหกรณ์ล้มละลายไปเพราะการตั้งข้อหาฟอกเงินมั่วๆ ของ DSI ท่านรับผิดชอบการล้มละลายของสมาชิก 53,000 คน ไหวหรือไม่
5. ในสมาชิก 53,000 กว่าคนนี้ มีศิษย์วัดพระธรรมกายอยู่หลายพันคนบางคนก็ตายไปแล้วแต่ยังถอนเงินไม่ได้ บางคนก็ฝากเงินไว้หลายล้านแต่ถอนไม่ได้ DSI จะรับผิดชอบปัญหาของสมาชิกส่วนนี้ด้วยหรือไม่ จะช่วยหาเงินเยียวยาสมาชิกที่เป็นศิษย์วัดด้วยหรือไม่
6. เงินกองทุน 600 กว่าล้าน ที่ศิษย์วัดช่วยไป หากสหกรณ์ล้มละลายไป DSI จะรับผิดชอบความเสียหายต่อเงินกองทุนช่วยเหลือ 600 กว่าล้านนี้ด้วยหรือไม่
7. ถ้าการที่ญาติโยมมาทำบุญกับวัด คือการที่เจ้าอาวาสต้องถูกดำเนินคดีข้อหาฟอกเงินกับรับของโจร จะมีพระรูปใดกล้ามาเป็นเจ้าอาวาส จะมีประชาชนคนใดกล้ามาทำบุญ ถ้าหากการใช้กฎหมายครั้งนี้สร้างผลกระทบถึงขั้นเกิดวัดร้างขึ้น 35,000 วัด DSI รับผิดชอบต่อการล้มลงของสถาบันศาสนาได้หรือไม่
การใช้กฎหมายแต่ละข้อ จะมองแค่มุมกฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมองถึงแรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นในวงกว้างต่อสภาพความเป็นจริงด้วย เพราะทุกอย่างที่ DSI ทำลงไป จะกลายเป็นบรรทัดฐานของการใช้ข้อหาฟอกเงินและรับของโจรกับวัดทุกวัดในพระพุทธศาสนา และการฟื้นฟูสถาบันการเงินทั้งประเทศไทย
Cr.Ptreetep Chinungkuro
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น