ชี้แจงข่าว วัดพระธรรมกาย 20 ก.พ. 2560 เวลา 16.45 น.
กรณีมีข้อความในข่าวของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองระบุว่า “ไม่ยอมให้"ธรรมกาย"ปกครองตนเอง เป็นเอกเทศ เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปได้ ดูทุกซอกมุม ทำตามหมายค้นตามคำสั่งศาล มิฉะนั้น ผิด ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยระบุว่าไม่สำคัญว่าจับตัวได้หรือไม่ แต่ จนท.รัฐ ต้องเข้าไปให้ได้” ทางวัดขอชี้แจงว่า
1.วัดพระธรรมกาย ไม่ได้เป็นเอกเทศ และไม่ได้ปกครองตนเอง เพราะเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม และให้ความร่วมมือกับราชการด้วยดีตลอด 3 ปีที่ผ่าน รวมทั้งเมื่อมี ม.44 แม้มีความรู้สึกไม่เห็นด้วย และไม่ชอบธรรม แต่ก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ไปตรวจ จนปัจจุบัน วัด หลวงพ่อ และบุคคลเกี่ยวข้อง มีข้อกล่าวหา ดังนี้ 3 หมายจับ / 308 คดี / ยึด 6 ประตู / ซีลอายัด 15 อาคาร และในเวลากลางคืนเจ้าหน้าที่ขับรถนำกำลังเข้าออกทั่วบริเวณ พื้นที่ 2,000 ไร่ ได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้น วัดพระธรรมกาย ยังคงอยู่ภายใต้กฏหมายมาโดยตลอด
2.มีการกล่าวว่า ไม่สนใจว่า จะจับหลวงพ่อธัมมชโย ได้หรือไม่ แต่ต้องทำตามหมายค้นของศาล นั้น ตลอด 3 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ตำรวจ ทหาร สนธิกำลังในการปฏิบัติภารกิจนี้เป็นขั้นเป็นตอน เข้าไปตรวจทุกพื้นที่ ทุกอาคาร ทุกชั้น ทุกห้อง มีการตรวจค้นอย่างละเอียด และ “ไม่พบ” หลวงพ่อธัมมชโย ทุกภารกิจเป็นไปด้วยความเข้าใจอันดีระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ วัด และสื่อมวลชน แต่พอวันที่ 4 กลับใช้มาตรการรุนแรง ด้วยการประกาศคัดแยกพระและประชาชน และให้ออกจากวัดภายใน บ่าย 3 ของวันที่ 19 ก.พ. สร้างความตื่นตระหนกให้กับลูกศิษย์หลวงพ่อธัมมชโย ทั้งพระ เณร ประชาชนจากทั่วประเทศ และประกาศให้พระ 14 รูป ไปรายงานตัวอีกครั้ง ทั้งที่ได้เคยไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้วนั้น อีกทั้ง ผู้ที่ไปรายงานแล้วทั้งหมด ก็ยังอยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมพิเศษของ DSI ดังนั้น การบีบคั้นของเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นการเร่งเร้าให้คนจากทั่วประเทศเข้ามาวัดพระธรรมกายด้วยประกาศของเจ้าหน้าที่เอง
3. รัฐบาลกล่าวว่า ไม่ได้กดขี่ทางวัด แต่ความจริงที่ปรากฏ
3.1 มีเจ้าหน้าที่รัฐในเครื่องแบบบางรายโพสต์เกี่ยวกับการมาใช้วัตถุระเบิดในภารกิจนี้
3.2 เจ้าหน้าที่รัฐในเครื่องแบบบางรายโพสต์ข้อความหยาบคาย มาสุภาพ ไม่เคารพในพระรัตนตรัย
3.3 มีการนำเฮลิคอปเตอร์มาบินวนรอบวัด ในระดับต่ำ จนเกิดความไม่สบายใจของสาธุชน
3.4 มีข่าวในโซเชียลเน็ตเวิร์ก และปรากฎเห็นว่า มีการเตรียมใช้แก๊สน้ำตา รถฉีดน้ำความแรงสูง รถอุปกรณ์ความเข้มข้นเสียงสูงมาใช้กับพระสงฆ์และประชาชนภายในวัด
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ประชาชนภายในวัด ไม่ใช่ม็อบ แต่เป็น "นักปฏิบัติธรรม" ที่เข้าวัดกันมากว่า 10-50 ปี แล้ว เป็นโยมพ่อแม่ ปู่ย่าตายายของพระเณรในวัด จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่อย่าใช้ความรุนแรง กับพระสงฆ์ สามเณร และประชาชนที่มาปฏิบัติธรรมเลย
4.เหตุปะทะ ช่วงสายวันที่ 20 ก.พ. 2560 เพียงแค่ทางพระขอให้เจ้าหน้าที่เปิดทางให้สาธุชนที่ออกไปทานข้าว ได้กลับเข้ามาปฏิบัติธรรม แต่เจ้าหน้าที่ซึ่งมีกำลังมากกว่า 2-3 เท่า ใช้ความรุนแรงจนเป็นเหตุให้ มีบาดเจ็บหลายราย พบผู้ป่วยดังนี้
1.ผู้หญิง อายุ 63 ปี โดนล้มทับและโดนเหยียบ บาดเจ็บสาหัส กระดูกซี่โครงซ้าย1 ถึง 6 หัก กระดูก ไหปลาร้าข้างซ้ายหัก รอยฟกช้ำทีใบหน้าและจมูก และมีคราบเลือดที่หูขวา ส่งรพ.ประชาธิปัตย์ Diagnosis Multiple fracture ribs and lt.clavicle contusion right cheek and nose
2. ผู้หญิง อายุ ๗๐ปี มีอาการเจ็บหน้าอก ทั้งสองข้าง มีแผลถลอกข้อศอกซ้าย 2 เซ็นติเมตร รพ.ประชาธิปัตย์เอกเรย์ปอดแล้วปกติ แจ้งว่าเป็นกล้ามเนื้ออักเสบ ให้กลับได้
3. ผู้ชายอายุ 55 ปี โดนเหยียบทั้งตัว มีเลือดออกในนัยตาขาว
Diagnosis Subconjunctiva hemorrhage left eye and contusion left arm
4.ผู้หญิง 1 ราย โดนเหยียบเท้า Diagnosis Contusion left foot
5.ผู้ชาย อายุ 55ปี โดนครื่องชอร์ตไฟฟ้าบริเวณหน้าอก ล้มลง รู้ตัว เจ็บข้อนิ้วเท้าขวา จากการกระแทก Diagnosis Contusion
6.ผู้ชาย อายุ 37ปี เจ็บเอวซ้ายจากการกระแทกไม่มีรอยบาดแผล
7.พระ 1 รูป อายุ 41ปี บาดเจ็บจากการกระแทก เจ็บขาทั้ง 2 ข้าง แขนบวมช้ำ มีบาดแผลถลอกที่หลัง Diagnosis abrasion wound left heel ecchymosis at back and left arm
และ ยังมี ผู้ได้บาดเจ็บเล็กน้อยอีกหลายรายที่ไม่ได้มารับการทำแผลที่จุดปฐมพยาบาล
5.กรณีท่านกล่าวว่า บุคคลบางกลุ่มระบุว่า ทำอะไรไม่ได้สักที หรือบางกลุ่มวิจารณ์ว่ารังแกพระนั้น ขอชี้แจงว่า ในส่วนของวัดและลูกศิษย์ มองว่า รัฐดำเนินมาตราการต่างๆมากไปด้วยซ้ำ เพราะปัจจุบัน วัด หลวงพ่อ และบุคคลเกี่ยวข้อง มีข้อกล่าวหา 3 หมายจับ / 308 คดี / ยึด 4 ประตู (เนื่องจากประตู 5-6 ขอใช้สัญจรเป็นประจำทุกวัน ระหว่างพื้นที่ 130 ไร่ และ 2,000ไร่) / ซีลอายัด 15 อาคาร และเจ้าหน้าที่ก็ยังนำกำลังกว่า 4,800 นาย มาล้อมวัด และเข้าออกพื้นที่ 2,000 ไร่ รวมทั้ง ตรวจค้นกุฏิพระทุกหลัง ได้ตามสบาย เหล่านี้ล้วนเป็นการก้าวล่วงสิทธิส่วนบุคคลของวัดพระธรรมกาย มูลนิธิ
ธรรมกาย พระภิกษุสามเณร และศรัทธาสาธุชนที่สร้างวัด แต่เพื่อแสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ของวัด จึงให้ความร่วมมือด้วยดีตลอดมา
ดังนั้ัน ม.44 ก็เป็นมาตรการหนักมากที่รัฐบาลได้ทำแล้ว
เมื่อค้นแล้วไม่พบ ก็ถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว
จึงขอความกรุณาและข้อความเมตตา รัฐบาล และ คสช. ได้ยกเลิก ม.44 เพื่อให้พระภิกษุสามเณร ได้ปฏิบัติศาสนกิจ และให้ประชาชนได้ปฏิบัติ ธรรมตามปกติ ต่อไป
https://www.facebook.com/sanitwong/posts/10202864800496353
กรณีมีข้อความในข่าวของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองระบุว่า “ไม่ยอมให้"ธรรมกาย"ปกครองตนเอง เป็นเอกเทศ เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปได้ ดูทุกซอกมุม ทำตามหมายค้นตามคำสั่งศาล มิฉะนั้น ผิด ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยระบุว่าไม่สำคัญว่าจับตัวได้หรือไม่ แต่ จนท.รัฐ ต้องเข้าไปให้ได้” ทางวัดขอชี้แจงว่า
1.วัดพระธรรมกาย ไม่ได้เป็นเอกเทศ และไม่ได้ปกครองตนเอง เพราะเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม และให้ความร่วมมือกับราชการด้วยดีตลอด 3 ปีที่ผ่าน รวมทั้งเมื่อมี ม.44 แม้มีความรู้สึกไม่เห็นด้วย และไม่ชอบธรรม แต่ก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ไปตรวจ จนปัจจุบัน วัด หลวงพ่อ และบุคคลเกี่ยวข้อง มีข้อกล่าวหา ดังนี้ 3 หมายจับ / 308 คดี / ยึด 6 ประตู / ซีลอายัด 15 อาคาร และในเวลากลางคืนเจ้าหน้าที่ขับรถนำกำลังเข้าออกทั่วบริเวณ พื้นที่ 2,000 ไร่ ได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้น วัดพระธรรมกาย ยังคงอยู่ภายใต้กฏหมายมาโดยตลอด
2.มีการกล่าวว่า ไม่สนใจว่า จะจับหลวงพ่อธัมมชโย ได้หรือไม่ แต่ต้องทำตามหมายค้นของศาล นั้น ตลอด 3 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ตำรวจ ทหาร สนธิกำลังในการปฏิบัติภารกิจนี้เป็นขั้นเป็นตอน เข้าไปตรวจทุกพื้นที่ ทุกอาคาร ทุกชั้น ทุกห้อง มีการตรวจค้นอย่างละเอียด และ “ไม่พบ” หลวงพ่อธัมมชโย ทุกภารกิจเป็นไปด้วยความเข้าใจอันดีระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ วัด และสื่อมวลชน แต่พอวันที่ 4 กลับใช้มาตรการรุนแรง ด้วยการประกาศคัดแยกพระและประชาชน และให้ออกจากวัดภายใน บ่าย 3 ของวันที่ 19 ก.พ. สร้างความตื่นตระหนกให้กับลูกศิษย์หลวงพ่อธัมมชโย ทั้งพระ เณร ประชาชนจากทั่วประเทศ และประกาศให้พระ 14 รูป ไปรายงานตัวอีกครั้ง ทั้งที่ได้เคยไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้วนั้น อีกทั้ง ผู้ที่ไปรายงานแล้วทั้งหมด ก็ยังอยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมพิเศษของ DSI ดังนั้น การบีบคั้นของเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นการเร่งเร้าให้คนจากทั่วประเทศเข้ามาวัดพระธรรมกายด้วยประกาศของเจ้าหน้าที่เอง
3. รัฐบาลกล่าวว่า ไม่ได้กดขี่ทางวัด แต่ความจริงที่ปรากฏ
3.1 มีเจ้าหน้าที่รัฐในเครื่องแบบบางรายโพสต์เกี่ยวกับการมาใช้วัตถุระเบิดในภารกิจนี้
3.2 เจ้าหน้าที่รัฐในเครื่องแบบบางรายโพสต์ข้อความหยาบคาย มาสุภาพ ไม่เคารพในพระรัตนตรัย
3.3 มีการนำเฮลิคอปเตอร์มาบินวนรอบวัด ในระดับต่ำ จนเกิดความไม่สบายใจของสาธุชน
3.4 มีข่าวในโซเชียลเน็ตเวิร์ก และปรากฎเห็นว่า มีการเตรียมใช้แก๊สน้ำตา รถฉีดน้ำความแรงสูง รถอุปกรณ์ความเข้มข้นเสียงสูงมาใช้กับพระสงฆ์และประชาชนภายในวัด
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ประชาชนภายในวัด ไม่ใช่ม็อบ แต่เป็น "นักปฏิบัติธรรม" ที่เข้าวัดกันมากว่า 10-50 ปี แล้ว เป็นโยมพ่อแม่ ปู่ย่าตายายของพระเณรในวัด จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่อย่าใช้ความรุนแรง กับพระสงฆ์ สามเณร และประชาชนที่มาปฏิบัติธรรมเลย
4.เหตุปะทะ ช่วงสายวันที่ 20 ก.พ. 2560 เพียงแค่ทางพระขอให้เจ้าหน้าที่เปิดทางให้สาธุชนที่ออกไปทานข้าว ได้กลับเข้ามาปฏิบัติธรรม แต่เจ้าหน้าที่ซึ่งมีกำลังมากกว่า 2-3 เท่า ใช้ความรุนแรงจนเป็นเหตุให้ มีบาดเจ็บหลายราย พบผู้ป่วยดังนี้
1.ผู้หญิง อายุ 63 ปี โดนล้มทับและโดนเหยียบ บาดเจ็บสาหัส กระดูกซี่โครงซ้าย1 ถึง 6 หัก กระดูก ไหปลาร้าข้างซ้ายหัก รอยฟกช้ำทีใบหน้าและจมูก และมีคราบเลือดที่หูขวา ส่งรพ.ประชาธิปัตย์ Diagnosis Multiple fracture ribs and lt.clavicle contusion right cheek and nose
2. ผู้หญิง อายุ ๗๐ปี มีอาการเจ็บหน้าอก ทั้งสองข้าง มีแผลถลอกข้อศอกซ้าย 2 เซ็นติเมตร รพ.ประชาธิปัตย์เอกเรย์ปอดแล้วปกติ แจ้งว่าเป็นกล้ามเนื้ออักเสบ ให้กลับได้
3. ผู้ชายอายุ 55 ปี โดนเหยียบทั้งตัว มีเลือดออกในนัยตาขาว
Diagnosis Subconjunctiva hemorrhage left eye and contusion left arm
4.ผู้หญิง 1 ราย โดนเหยียบเท้า Diagnosis Contusion left foot
5.ผู้ชาย อายุ 55ปี โดนครื่องชอร์ตไฟฟ้าบริเวณหน้าอก ล้มลง รู้ตัว เจ็บข้อนิ้วเท้าขวา จากการกระแทก Diagnosis Contusion
6.ผู้ชาย อายุ 37ปี เจ็บเอวซ้ายจากการกระแทกไม่มีรอยบาดแผล
7.พระ 1 รูป อายุ 41ปี บาดเจ็บจากการกระแทก เจ็บขาทั้ง 2 ข้าง แขนบวมช้ำ มีบาดแผลถลอกที่หลัง Diagnosis abrasion wound left heel ecchymosis at back and left arm
และ ยังมี ผู้ได้บาดเจ็บเล็กน้อยอีกหลายรายที่ไม่ได้มารับการทำแผลที่จุดปฐมพยาบาล
5.กรณีท่านกล่าวว่า บุคคลบางกลุ่มระบุว่า ทำอะไรไม่ได้สักที หรือบางกลุ่มวิจารณ์ว่ารังแกพระนั้น ขอชี้แจงว่า ในส่วนของวัดและลูกศิษย์ มองว่า รัฐดำเนินมาตราการต่างๆมากไปด้วยซ้ำ เพราะปัจจุบัน วัด หลวงพ่อ และบุคคลเกี่ยวข้อง มีข้อกล่าวหา 3 หมายจับ / 308 คดี / ยึด 4 ประตู (เนื่องจากประตู 5-6 ขอใช้สัญจรเป็นประจำทุกวัน ระหว่างพื้นที่ 130 ไร่ และ 2,000ไร่) / ซีลอายัด 15 อาคาร และเจ้าหน้าที่ก็ยังนำกำลังกว่า 4,800 นาย มาล้อมวัด และเข้าออกพื้นที่ 2,000 ไร่ รวมทั้ง ตรวจค้นกุฏิพระทุกหลัง ได้ตามสบาย เหล่านี้ล้วนเป็นการก้าวล่วงสิทธิส่วนบุคคลของวัดพระธรรมกาย มูลนิธิ
ดังนั้ัน ม.44 ก็เป็นมาตรการหนักมากที่รัฐบาลได้ทำแล้ว
เมื่อค้นแล้วไม่พบ ก็ถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว
จึงขอความกรุณาและข้อความเมตตา รัฐบาล และ คสช. ได้ยกเลิก ม.44 เพื่อให้พระภิกษุสามเณร ได้ปฏิบัติศาสนกิจ และให้ประชาชนได้ปฏิบัติ ธรรมตามปกติ ต่อไป
https://www.facebook.com/sanitwong/posts/10202864800496353