วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559

158 คดีประวัติศาสตร์  ที่โลกต้องจารึกไว้
วัดพระธรรมกายถูกดำเนินคดีแล้ว จนถึงวันที่ 16 ธันวาคม 2559 มี 158 คดี แบ่งเป็นดังนี้
1. คดี ความผิดฐานบุกรุก จำนวน 10 คดี
2. ความผิดตามพระราชบัญญัติขนส่ง 20 คดี
3. ความผิดกีดขวางการจราจร จำนวน 3 คดี
4.  ทำให้เสียทรัพย์ 2 คดี
5.  หมิ่นประมาท 1 คดี
6.  ผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร การก่อสร้างอาคารและกำแพง  โดยไม่ได้รับอนุญาต 109 คดี
7.  ก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ประเภทเสาวิทยุ ทาวเวอร์ 2 คดี
8.  ผิดตามพระราชบัญญัติน้ำบาดาล 1 คดี
9.  บุกรุกที่สาธารณะ ด้วยการเดินสายไฟฟ้าข้ามถนนและคลอง 7 คดี
10. นำแผ่นสแลนสีเขียวแผงเหล็ก ปิดกั้นถนนสาธารณะ 2 คดี
11. และขุดทำลายถนน ทางเชื่อมเลียบคลองแอน 1 คดี



รวมทั้งหมด 158 คดี !!!!!

เรื่องและภาพ อินทรชัย พาณิชกุล
                    กว่า 2 เดือนแล้วที่ชื่อของ "วัดพระธรรมกาย" และ "พระธัมมชโย" ตกเป็นข่าวใหญ่รายวัน ท่ามกลางการจับตามองแทบไม่กะพริบของคนในสังคม
“สุรพศ ทวีศักดิ์” นักวิชาการด้านพุทธศาสนา ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เฝ้ามองอย่างเกาะติดชนิดไม่คลาดสายตา .... ได้ให้ความคิดเห็น การวิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจหลายประการ อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/interview/436236

วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559

"เจ้าคณะภาคตะนาวศรี"  สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ส่งจดหมายถึง ฯพณฯนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชาประเทศไทย.......
14/12/2559
เรียกร้องขอความเป็นธรรมให้พระเทพญาณมหามุนี(หลวงพ่อธัมมชโย)และหยุดใช้ความรุนแรงต่อวัด และพระในพระพุทธศาสนาหวั่นเสียภาพลักษณ์ประเทศชาวพุทธ14 ธันวาคม 2559


รียน         ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
                                                                          กรุงเทพมหานคร
เจริญพร   นายกรัฐมนตรี ประเทศไทย และรัฐบาลไทย

              ขอให้สุขภาพแข็งแรง มีความสุข  ที่ประเทศไทย วัดพระธรรมกาย ปทุมธานี ได้รับทราบว่าจะมีหมายจับหลวงพ่อธัมมชโย  อาตมารู้สึกเหนื่อยใจ เสียใจ กับการกระทำเช่นนี้ ซึ่งไม่สมควรจะทำกับหลวงพ่อท่าน เพราะท่านอายุมากแล้ว อีกทั้งร่างกายก็ไม่แข็งแรงและท่านก็เป็นลูกพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ขออย่ามาทำเรื่องร้ายแรงเช่นนี้กับหลวงพ่อ และเป็นการเสื่อมเสียในภาพลักษณ์ ทำให้ดูไม่ดี ต่อประเทศชาติและศาสนาพุทธ








พระบันดันดะ ดันมิกะสาระ
เจ้าอาวาสวัด ดันมิกายามะตักอู่เจ่า
เจ้าคณะภาคตะนาวศรี
สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์

วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2559


ย้ำอีกครั้งว่าเรื่องหลวงพ่อธัมมชโยเป็นเรื่องซึ่งต้องปล่อยให้ผู้เกี่ยวข้องหาทางออกภายในกรอบของกฎหมาย กลุ่มต้านธรรมกายไม่ต้องฉวยโอกาสใช้เรื่องนี้กำจัดธรรมกาย และสื่อกลุ่มกระหายเลือดก็ไม่ต้องตั้งประเด็นประเภท "ทำไมไม่บุกสักที" "ฉายหนังซ้ำซาก คนดูเบื่อแล้ว" หรือ "รัฐบาลอย่าดีแต่พูด" เพื่อยั่วให้เจ้าหน้าที่รัฐส่งกองกำลังบุกวัดและใช้ความรุนแรงด้วย....
อ่านต่อhttps://www.facebook.com/sirote.klampaiboon/posts/1294404993962925
เมื่อคุณ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ออกมาเขียนเเนะนำ เตือนสติ บทบาท ของเเต่ละฝ่ายให้ดำเนินการตามบทบาท อำนาจ หน้าที่ในกรอบของตัวเอง
โดยเฉพาะสื่อมวลชน  เเละคนดู ที่ไม่มีส่วนรู้เห็น หรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายโดยตรง
กลับเเสดงพลังกดดัน เพื่ออยากเห็นฉากจบไวๆ
ทั้งๆที่มองไม่เห็นว่า ไม่ว่าจุดจบจะเป็นอย่างไร ย่อมไม่ถูกใจทุกฝ่ายเเน่นอน
เเต่สิ่งที่จะเห็นชัดๆคือ ภาพของพระพุทธศาสนาที่มัวหมอง
สังคมกำลัง สาดสี ตีไข่ มีทั้งเรื่องจริง เรื่องเท็จปะปนกัน

ทั้งๆที่ความเป็นจริง ตัววัดพระธรรมกาย เป็นเพืยงวัดๆหนึ่ง
มีการดำเนินการ เเละบริหาร โดยกลุ่มบัณฑิตของประเทศที่เรียนจบ
เเล้วมีศรัทธา ออกบวช ใช้วิธีการเผยเเผ่ผ่านสื่อทันสมัย
ซึ่งก็ไม่เเปลกอะไร ถ้าสื่อสมัยใหม่ที่มาตามยุค จะถูกดัดเเปลงเอามาใช้เพื่อ
ให้คนเข้าถึงคำสอนทางพระพุทธศาสนาดั้งเดิมได้
ผิด ถูก ไม่ต้องกลัว มีทั้งพระ ฆราวาสที่ทรงภูมิธรรมคอยตรวจตรา
อย่างเข้มข้นเเละก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีเฉพาะผู้ทรงความรู้เพียงในประเทศ
เเม้ต่างประเทศก็จับตาดูกัน อย่างไม่คลาดสายตา

การดำเนินงาน จัดงาน โดยการรวม บ้าน วัด โรงเรียน ให้มาประสานงานกัน
งานพิธีกรรมพุทธ ถูกปรับให้เหมาะสม กับทุกเพศ วัย
ตั้งเเต่เด็ก ผู้ใหญ่ วัยชรา
จึงไม่เเปลกที่ปริมาณคนที่เข้าวัด จะเพิ่มขึ้นตลอด จนต้องขยายศาลาปฏิบัติธรรม
ภายในช่วงอายุคน ถึงสามครั้ง เพราะไม่เช่นนั้น วัดคงเเตก!!! เพราะคนมาเต็มวัด

ปริมาณคนที่เพิ่ม กับปริมาณเงินบริจาค ซึ่งเป็นเเหล่งรายได้เดียวของวัด
ย่อมเพิ่ม สอดคล้องตามกัน
เเต่ก็มีที่มา เเละที่ไป อย่างชัดเจน มีฝ่ายบริหารดูเเล ควบคุม
จนเป็นอาคาร สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่มากมาย
เเต่ก็เป็นไปเพื่อรองรับ คนที่เดินทางมาวัด
ทั้ง อาคารหอฉันพระ ตึกทำงานคนในวัด อาคารปฏิบัติธรรม
ลานเจดีย์ประกอบพิธีกรรม หรือ ตึกที่พักพระ เจ้าหน้าที่ คนงาน

เเละเเน่นอน เมื่อความสบายใจในการมาปฏิบัติธรรมมีมาก
ความศรัทธา ก็ในการทำบุญเเต่ละคน ก็ย่อมไม่เท่ากัน
จะมาก จะน้อย เเล้วเเต่ความศรัทธา
วัดมีหน้าที่บริหาร ให้เป็นเอกสารรับบริจาคที่ชัดเจน
เเต่กลับกลาย เป็น ข้อกังขา ของคนไม่เข้าวัด
หรืออยากจะเข้าวัด เเต่เป็นเข้ามาเอาเงินวัด
รับไม่ได้????
เข้าทำนอง เดือดร้อนอะไร จะเอาเเค่สะใจเเค่นั้นหรือ

วัดพระธรรมกายพังวันนี้
ใครได้ผลประโยชน์บ้าง
เเค่คนกลุ่มหนึ่งที่ถูกสั่งงาน
เเค่คนกลุ่มหนึ่งที่สะใจ
เเค่คนกลุ่มหนึ่งที่อะไรก็ได้

เเต่

คนอีกเป็นล้านทั่วโลก ที่เข้าวัด ฟังธรรม
ตลอดเนิ่นนานเกือบครึ่งชีวิตเขา
ถ้าคนกลุ่มหนึ่งตอบคำถามได้ว่า
ไม่มีวัดพระธรรมกายวันนี้ คุณหาวัดสำรองอื่นไหนให้เขาเเล้ว
คุณรับผิดชอบความศรัทธาของคนนับล้านได้หรือยัง
ยิ่งกว่าลอยเเพคนตกงานเลยน่ะ!!!

สังคมอยู่ยากขึ้นทุกวัน จริงๆ
***ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์
อาจารย์พิเศษด้านทฤษฎีสังคมศาสตร์และสิทธิมนุษยชนศึกษาจากโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และศูนย์สิทธิมนุษยชนศึกษาและการพัฒนาสังคม
มหาวิทยาลัยมหิดล ศิโรตม์ศึกษาด้านรัฐศาสตร์และ International Cultural Studies จากมหาวิทยาลัย
แห่งมลรัฐฮาวายอิ

เป็นบรรณาธิการหนังสือ ทฤษฎีและความรู้ในยุคโลกาภิวัตน์ (2544), จักรวรรดินิยมและการก่อการร้าย
(2545) ผู้เขียน แรงงานวิจารณ์เจ้า (2547), ประชาธิปไตยไม่ใช่ของเรา (2550), ประชาธิปไตยก็เรื่อง
ของเรา (2554) ผู้แปล Global Nonkilling Political Science ของ Glain Paige (2552) และ Identity
and Violence ของ Amartya Sen (อยู่ระหว่างการจัดพิมพ์)
Cr:
http://www.jimthompsonhouse.com/thai/events/Primitive-Programs.asp
       :https://i.ytimg.com/vi/Jg_LtP6m9qo/hqdefault.jpg

วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2559

จดหมายจากองค์กรสงฆ์เถรวาทโลก ถึงสำนักนายกรัฐมนตรี
เรียกร้องให้ยุติการใช้กำลังและความรุนแรงต่อ
พระเทพญานมหามุนีและวัดพระธรรมกาย
จดหมายจากสมัชชาสงฆ์เถรวาทโลก ถึง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ยุติการใช้กำลัง และความรุนแรงต่อพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) และวัดพระธรรมกาย

10 ธันวาคม 2559
เรียน   ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
     ตามที่ท่านคงได้ทราบดีอยู่แล้วว่า กรณีของวัดพระธรรมกายเป็นซึ่งเป็นวัดในพระพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดวัดหนึ่งในประเทศไทยในเวลานี้กำลังเป็นศูนย์กลางของความสนใจในหมู่ชนทั้งหลายทั่วไป โดยมีพระเทพญาณมหามุนีเจ้าอาวาสของวัดกำลังถูกกล่าวหาอย่างรุนแรงจากกรมสอบสวนคดีพิเศษและกำลังตำรวจ ในคดีเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าเป็นจริงหรือไม่ อันเป็นคดีที่พวกเราทั้งหลายในองค์กรพุทธโลกมีความเชื่อว่าเป็นการกล่าวหาอย่างไม่มีมูลความจริง

กรมสอบสวนคดีพิเศษและกองกำลังตำรวจได้ทำการอันไม่ยุติธรรมต่อพระเทพญาณมหามุนีมาโดยตลอด ความอยุติธรรมนี้ได้รวมไปถึงการออกหมายค้นวัดพระธรรมกายด้วย อีกทั้งยังมีข่าวว่ามีการเตรียมกองกำลังติดอาวุธเพื่อจะเข้ายึดพื้นที่วัดพระธรรมกายในขณะที่สาธุชนนับหมื่นคนกำลังสวดมนต์ปฏิบัติธรรมและทำสมาธิกันอยู่ การใช้กำลังเกินกว่าเหตุนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่บังควร เนื่องจากวัดพระธรรมกายเป็นวัดที่มีการส่งเสริมสันติภาพมาโดยตลอด การใช้กำลังเกินกว่าเหตุ และการกระทำที่ไม่ยุติธรรมนี้รังแต่จะนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งที่จะฝังรากลึกลงไปในสังคมไทย ทางเราไม่สามารถเข้าใจได้ว่าความอยุติธรรมนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรในสังคมไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสรา การใช้กำลังเกินกว่าเหตุในวัดเช่นนี้จะทำให้องค์การพุทธและองค์กรสาธารณประโยชน์ทั้งหลายซึ่งดำรงอยู่ได้เพราะได้รับการช่วยเหลืออุดหนุนเสียขวัญกำลังใจและไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่มีอำนาจในประเทศไทย ยังได้มีคำสั่งให้สถานีโทรทัศน์ DMC หยุดการแพร่สัญญาณอีกด้วย คำสั่งนี้เป็นการอ้างถึงความผิดอย่างไม่มีความจริงว่าเนื้อหาในรายการของสถานีโทรทัศน์​ DMC นำไปสู่ความขัดแย้งภายในสังคมไทย ตลอดระยะเวลา 14 ปีของการดำเนินงานสถานีโทรทัศน์ DMC มีการนำเสนอเนื้อหาโดยปราศจากเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองมาโดยตลอดและได้สร้างความเข้าใจในพุทธศาสนาให้แก่ผู้ปฏิบัติศาสนานี้โดยมีการนำเสนอรายการทางพระพุทธศาสนาและรายการส่งเสริมจริยธรรมให้กับผู้คนทั่วโลกทุกเพศทุกวัย ดังนั้นการกระทำของกรมสอบสวนคดีพิเศษในการสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ DMC ในครั้งนี้จึงถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลอย่างชัดเจน

ในนามขององค์กรพุทธเถรวาทโลก เราใคร่ขอให้ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้พิจารณาและดูแลคดีระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษและวัดพระธรรมกายให้เป็นไปด้วยความถูกต้อง ยุติธรรมและสันติ เพื่อการดำรงรักษาชื่อเสียงที่ดีของประเทศไทยและศาสนาพุทธ เราเชื่อว่าท่านมีความเข้าใจว่าดีว่าคดีนี้หากไม่ได้รับการดูแลด้วยความโปร่งใสและยุติธรรมตรงไปตรงมาก็จะมีผลต่อการทำลายพระพุทธศาสนาในประเทศไทยได้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำที่ทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติสืบไป

พระมูกูนูเวล่า อนุรุทธะเถโร
ประธานสมัชชาสงฆ์เถรวาทโลก


cr: https://www.facebook.com/sidwat072/posts/1359519340754328:0

วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559


เมื่อทีวีช่อง DMC จอดำ
ลูกศิษย์สามัคคีพากันระดมใจ
ไปที่วัดพระธรรมกาย เพื่อไปสวดมนต์ เพราะ
เขานึกถึงภาพการปิดประตูตีแมว

เหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริง  หรือไม่ก็ตาม
แต่พวกเขา  พากันคิดอย่างนั้นไปแล้ว
ปฏิบัติการพิเศษ   ที่ไม่ต้องการให้โลก
ได้รู้เห็น จะเป็นอย่างไรก็ตามที

ลูกศิษย์หลวงพ่อทุกคนจะไม่หนี
จะไม่ทิ้งวัด  โดยทิ้งหลวงพ่อผู้ให้ชีวิต
ไว้เพียงลำพัง   จะขอเป็นแมวสีขาว ที่
เปี่ยมด้วยความกตัญญูจนนาทีสุดท้าย

ยิ่งมีการประกาศอย่างชัดเจน
ถ้าจับหลวงพ่อธัมมชโยได้เมื่อไหร่  ก็
สึกสถานเดียว
แล้วจะมีลูกศิษย์ที่ไหน
เขาจะยอมให้หลวงพ่ออยู่ในสภาพนั้น

ความจริงแล้วลูกศิษย์ทุกคน
เขารู้วัตถุประสงค์นี้   ตั้งแต่ทีแรกแล้ว
ทำไมจึงไม่มาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดทั้ง
ที่กฎหมายสามารถกระทำได้ คงมีแต่
เด็กอมมือเท่านั้น ที่อ่านเกมส์ไม่ออก

ที่ประกาศชัดเจนแบบนี้
อาจเพื่อเอาใจกองเชียร์   ที่ไม่ศรัทธา
ในพระพุทธศาสนา  ส่วนลูกศิษย์ของ
วัดพระธรรมกาย ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ
อะไรเพราะรู้ๆกันอยู่แล้ว

พลังศรัทธามีอานุภาพมาก
ก็ลองคิดดูให้ดีเสียก่อน  ในเมื่อบรรดา
ลูกศิษย์จำนวนมากพากันคิดว่า

   
จะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรถ้าไม่สามารถปกป้อง
ผู้มีพระคุณต่อชีวิตให้ปลอดภัยได้

แต่เราก็เชื่อมั่นอยู่ว่าเหตุการณ์
ความรุนแรง จะไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก
ตราบใดที่ลูกศิษย์  ยังไม่ทิ้งหลวงพ่อ
#สู้ศึกสู้อุปสรรคด้วยใจใสๆ
หลวงพ่อสอนไว้เราเกิดมาสร้างบารมี

Cr.เรชุงปะ ศิวโมกข์
เเละข่าวบุญใจสว่าง


แถลงข่าวคณะศิษยานุศิษย์พระเทพญาณมหามุนี
เรื่อง   การกราบบังคมทูลฯ ถวายฎีการ้องทุกข์ ขอพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม ระงับเหตุรุนแรงอันจะบังเกิดขึ้นได้ ระหว่างสถาบันชาติกับสถาบันพระพุทธศาสนา
เนื่องด้วยขณะนี้ สถานการณ์ส่อว่าจะบังเกิดเหตุรุนแรง ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับสถาบันพระพุทธ ศาสนา อันเนื่องมาจากการดำเนินการโดยไม่เป็นธรรม ดังนี้

     1. การดำเนินการของพนักงานสอบสวนในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และคดีอื่นที่เกี่ยวโยงกัน มีความไม่เป็นธรรมหลายประการ  อาทิมีการแจ้งความดำเนินคดี  และพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาคณะศิษยานุศิษย์ที่ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อเยียวยาแก่สหกรณ์ฯคลองจั่น  ว่ามีความผิดข้อหาเรี่ยไร  ทั้งที่เงินนั้นก็เป็นเงินของศิษยานุศิษย์แต่ละท่าน  และเสียสละมาเยียวยาแก่สหกรณ์ฯตามข้อตกลงในศาล 
และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องทั้งวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี อีกทั้งสหกรณ์ฯ มีหนังสือขอบคุณแก่คณะศิษยานุศิษย์  เจ้าหน้าที่ของรัฐแทนที่จะมอบรางวัลแสดงความชื่นชมในน้ำใจเสียสละให้กับศิษยานุศิษย์ แต่คณะศิษยานุศิษย์กลับถูกดำเนินคดีตกเป็นผู้ต้องหา  แสดงถึงเจตนาในการหาเรื่องกลั่นแกล้ง  ไม่เป็นธรรม

   2. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ได้ดำเนินคดีพระเทพญาณมหามุนี ข้อหาบุกรุกป่า และข้อหาก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทับลำรางสาธารณะ ที่สวนป่าหิมวันต์ อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย และที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเวิลด์ พีซ จังหวัดนครราชสีมา ตามลำดับ โดยอ้างอิงความเห็นของนายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของศาล  ทั้งที่นายวิฑูรย์ฯ ซึ่งเคยเป็นอดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ และถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เพราะทำความผิดฐานวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศบิดเบือนความจริง สร้างความเสียหายต่อราชการหลายกรรมหลายวาระ และสำนักงานศาลยุติธรรมไม่ต่อทะเบียนการเป็นผู้เชี่ยวชาญฯของศาล  นายวิฑูรย์ฯ จึงมิได้เป็นผู้เชี่ยวชาญฯของศาลแล้ว


ซึ่งทางวัดพระธรรมกายได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญฯของศาลที่แท้จริง วิเคราะห์ตรวจสอบด้วยแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหาร ปรากฏผลการตรวจสอบว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเขตป่า และไม่มีลำรางสาธารณะแต่อย่างใด  แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. กลับเลือกที่จะเชื่อผลการวิเคราะห์ฯของนายวิฑูรย์ฯ ซึ่งมีพฤติกรรมมัวหมองร้ายแรงจนถูกไล่ออกจากราชการ ไม่เชื่อผลการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญฯของศาลที่แท้จริง และไปขอออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี

   3.  กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ขอให้ กสทช.สั่งหยุดการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม DMC
โดยไม่มีการไต่สวน ทั้งที่เนื้อหามีแต่การสวดมนต์ นั่งสมาธิ สอนธรรมะให้ประชาชนเป็นคนดี

    4.  พฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.โดยการนำของพลตำรวจเอกศรีวราห์ฯ  ทำให้คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายมีความรู้สึกว่าพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายถูกกลั่นแกล้งดำเนินคดีโดยไม่เป็นธรรม สร้างความรู้สึกทุกข์ร้อนคับแค้นใจอย่างแสนสาหัส
5.  พลตำรวจเอกศรีวราห์ฯ ได้แถลงข่าวแก่สื่อมวลชนว่า  ขณะนี้ได้เตรียมกำลังตำรวจ 6 - 7 กองร้อย  พร้อมบุกเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย  เพื่อจับกุมตัวพระเทพญาณมหามุนี  โดยได้เตรียมสุนัขตำรวจ  เฮลิคอปเตอร์  หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด  และได้ประสานไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียงให้เตรียมแพทย์พยาบาล 

ส่อให้เห็นว่าจะใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามจับกุมคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย  ที่มาสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่ในวัดจำนวนนับหมื่นคนด้วยความเป็นห่วงพระเทพญาณมหามุนี  ซึ่งจะทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จะกลายเป็นข่าวอื้อฉาวสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ประเทศชาติในสายตาชาวโลกอย่างยิ่ง และจะเป็นบาดแผลความขัดแย้งอย่างลึกซึ้ง ระหว่างสถาบันชาติกับสถาบันพระพุทธศาสนาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย

    6.  ในช่วงเวลานี้เป็นห้วงเวลาพิเศษที่ชาวไทยทั้งประเทศรวมถึงคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย  ได้ร่วมใจกันจัดพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นประจำทุกวัน  ยิ่งกว่านั้นยังเป็นโอกาสมหามงคลอันประเสริฐที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทย  ควรจะเป็นห้วงเวลาที่ชาวไทยทุกคนได้สมานฉันท์เป็นหนึ่งเดียวกัน  รักษาสังคมบ้านเมืองที่สงบสันติสุขเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเสริมพระบรมเดชานุภาพของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยให้ปรากฏแก่ชาวโลก  ไม่ควรที่จะมีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ซึ่งคณะศิษย์วัดพระธรรมกายได้ร่วมใจกันเจริญพระพุทธมนต์บทธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ครบจำนวน 10,101,010 จบ
เป็นครั้งแรกของโลกเพื่อเฉลิมฉลองเทิดพระเกียรติการขึ้นทรงราชย์เป็นรัชกาลที่ 10 ในพระบรมราชจักรีวงศ์ ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

   7.  เวลานี้เหลือที่พึ่งสุดท้ายหนึ่งเดียวที่จะพึ่งได้คือ สถาบันพระมหากษัตริย์  จึงจำต้องขอพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลถวายฎีการ้องทุกข์ต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร อันเปรียบประดุจพระบิดาของประชาชนชาวไทยทั้งชาติ  เพื่อขอพึ่งพระบารมีให้ยุติการดำเนินคดีที่มิชอบดังกล่าวข้างต้น  และมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ความรุนแรงทำร้าย ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายต่อประชาชนผู้เป็นพสกนิกรของพระองค์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงและคนชรา
 
คณะศิษยานุศิษย์พระเทพญาณมหามุนี
9 ธันวาคม 2559

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559




cr:http://www.nationtv.tv/main/content/social/378526514/
จากกรณีปรากฎข่าวในสื่อมวลชนและสื่อออนไลน์เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย และสถานีวิทยุโทรทัศน์ DMC วัดพระธรรมกายขอชี้แจง ดังนี้
1. กรณีปรากฎข่าวในสื่อมวลชน อาทิ 
“เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ โดย พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวภายหลังการประชุมระหว่างดีเอสไอ อัยการ และตำรวจเกี่ยวกับการดำเนินดคีกับพระเทพญาณมหามุนี ว่า ... ผู้เกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนเช็คจากสหกรณ์ฯคลองจั่น เข้าวัดพระธรรมกาย และนำเช็คไปซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ http://www.posttoday.com/crime/468867 ” นั้น
วัดพระธรรมกายขอปฏิเสธว่า ไม่มีการนำเงินของวัดไปซื้อขายหุ้น
ในตลาดหลักทรัพย์ใดๆ ทั้งสิ้น ข้อสงสัยของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจึงไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ วัดพระธรรมกายรับบริจาคโดยสุจริตและเปิดเผย และได้นำเงินบริจาคไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค 
ดังนั้น หากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ มีเอกสารหรือหลักฐานที่ระบุชัดว่าทางวัดพระธรรมกายนำเช็คสหกรณ์ฯคลองจั่นไปซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้นำมาแสดงเพื่อความชัดเจน ป้องกันความสับสนในการรับทราบข้อมูลข่าวสารของประชาชน และเพื่อความเป็นธรรมแก่วัดพระธรรมกายด้วย

2. กรณีปรากฏข่าวในสื่อออนไลน์ ระบุ

 “ดีเอสไอส่งหนังสือถึง กสทช. ขอให้พิจารณาระงับการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์วัดพระธรรมกาย "DMC TV" หวั่นยุยง สร้างความปั่นป่วนนั้น

 …. ทางวัดพระธรรมกาย ขอคัดค้านความเห็นดังกล่าว และยืนยันว่าสถานีวิทยุโทรทัศน์ DMC ไม่มีการยุยง สร้างความปั่นป่วนแต่ประการใด

ทั้งนี้ สถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อพระพุทธศาสนาผ่านดาวเทียม ช่อง DMC เป็นโครงการเผยแพร่ธรรมะ 24 ชั่วโมง ก่อตั้ง 9 พ.ค. 2545 (กว่า 14 ปี) เผยแพร่ใน 4 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น ผ่านเว็บไซต์และดาวเทียม 7 ดวง ครอบคลุมทุกทวีป 
เนื้อหารายการประกอบด้วย พุทธประวัติ, ชาดก, สมาธิเบื้องต้น, กิจกรรมเยาวชนเก่งและดี, ละครฟื้นฟูศีลธรรมโลก, ธรรมะภาษาภาษาอังกฤษและจีน, การเผยแผ่พุทธศาสนาในต่างแดน, ถามตอบปัญหาธรรมะ เป็นต้น 
ที่ผ่านมา DMC ได้รับ 5 รางวัล ได้แก่
1.รางวัล “สถานีวิทยุโทรทัศน์ ส่งเสริมพระพุทธศาสนาดีเด่น” พ.ศ.2551 จากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
2.รางวัล “มาตรฐานการผลิตสื่อ Telly Awards” ครั้งที่ 28 ในปี พ.ศ.2550 จำนวน 12 รางวัล
3.รางวัล “พุทธคุณูปการ” ประเภทวัชรเกียรติคุณ ประจำปี 2553 โดยคณะอนุกรรมาธิการกิจการพระพุทธศาสนา สภาผู้แทนราษฎร
4.รางวัล “ช่อสะอาด” ประจำปี 2553 โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
5.รางวัล “สื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5” ปี พ.ศ. 2559 โดยคณะสงฆ์จังหวัดปทุมธานี
ดังนั้น ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ DMC ขอปฏิเสธข้อกล่าวหาอันขาดรายละเอียด และหลักฐานยืนยันใดๆ พร้อมขอเรียกร้องความเป็นธรรม หากมีความเชื่อว่าทางสถานีฯ มีพฤติการณ์ตามที่มีการกล่าวหา ขอให้ผู้กล่าวหาได้ระบุพฤติการณ์นั้นๆ ให้ชัดเจน ไม่คลุมเครือ เพราะการกล่าวหาลอยๆ นำมาสู่ความเสื่อมเสียชื่อเสียงของสถานีฯ เป็นอย่างยิ่ง
พร้อมกันนี้ ขอชี้แจงว่า ที่ผ่านมาทางสถานีฯ ได้ยึดมั่นในการปฏิบัติตามกฎหมาย และจริยธรรมสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด จุดยืนของสถานีฯ คือ มุ่งส่งเสริมการศึกษาศีลธรรม ร่วมสร้างวิถีแห่งการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เป็นสื่อกลางในการน้อมนำธรรมะของพระพุทธองค์มาเป็นเครื่องมือสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นแก่บุคคล สังคม และประเทศชาติ 
ไม่ได้มีพฤติการณ์อันเป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อย หรือเผยแพร่ข้อมูลที่เข้าข่ายเป็นการชักชวน ยุยง เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามที่มีการกล่าวหาแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ซึ่งขณะนี้ทางสถานีฯ กำลังเตรียมยื่นคัดค้านการระงับเผยแพร่ภาพและเสียง ทั้งนี้ การกระทำของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ถือว่าขัดกับหลักเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารของประชาชน อีกด้วย
จึงเจริญพรมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส
ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย
7 ธันวาคม 2559


บอร์ด กสท. มีมติสั่งปิดทีวีช่อง"ธรรมกาย" หรือ DMC TV 15 วัน หลังDSI
ส่งหนังสือให้ กสทช. ระงับการออกอากาศ ชี้มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเชิญชวน สาวก รวมตัวกันทำพิธีกรรมทางศาสนา ขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่จับกุมพระธัมมชโย.....          
http://pantip.com/l/http%3Aฯ๑ฯฯ๑ฯmanager.co.thฯ๑ฯOnlineSectionฯ๑ฯViewNews.aspx%3FNewsID%3D9590000121930
      
DMC ได้รับ 5 รางวัล ได้แก่
1.รางวัล “สถานีวิทยุโทรทัศน์ ส่งเสริมพระพุทธศาสนาดีเด่น” พ.ศ.2551 จากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
2.รางวัลมาตรฐานการผลิตสื่อ Telly Awards ครั้งที่ 28 ในปี พ.ศ.2550 จำนวน 12 รางวัล
3.รางวัลพุทธคุณูปการ ประเภทวัชรเกียรติคุณ ประจำปี 2553 โดยคณะอนุกรรมาธิการกิจการพระพุทธศาสนา สภาผู้แทนราษฎร
4.รางวัลช่อสะอาด ประจำปี 2553 โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
5.รางวัลสื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ปี พ.ศ. 2559 โดยคณะสงฆ์จังหวัดปทุมธานี

เเล้วทำอย่างนี้ก็ได้ด้วยหรือ???
เป็นอะไรไปเเล้วสังคมไทย สังคมพุทธฯ
เชิิญชวนคนเข้าวัด สวดมนต์ นั่งสมาธิ ร่วมพิธีกรรมเเบบพุทธฯ สอนศีลธรรม ชวนคนรักษาศีล
ลด ละ เลิกอบายมุข
ทีวีน้ำดี ที่เเทบจะกลายเป็นหยดน้ำในตุ่ม
สื่อโลภาภิวัฒน์เเห่งความบันเทิง
เชื่อเเล้วว่า ทำไมถึงยุค
สวรรค์ร้าง นรกเเน่น ต้องต่อคิว




วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2559

คดีพระธัมมชโย สรุปแล้ว เกิดจากการรังแกของเจ้าหน้าที่รัฐ? หรือไม่?????
ถ้ากล่าวถึงกรณีของพระธัมมชโย ตอนนี้รู้สึกจะโด่งดังไปทั่วไทยและไปทั่วโลกไปแล้ว กระแสได้โหมโรงโดยผู้มีอำนาจหลายคนถึงกับออกตัวแรงคาดการณ์


จะใช้กองทัพตำรวจมาบุกจับและจับท่านสึก


หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าทำไมเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายถึงไม่ยอมมอบตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ตนเองซักที ซึ่งหลายคนก็เห็นด้วยและบางส่วนยังเฉยๆ วันนี้จึงขอพาไขความลับ แฉความจริงให้รู้กันไป ซักที ขอเรียกแผนนี้เรียก “แผนจับสึกถอดผ้าเหลือง” ณ จุดนี้

ถ้าจะให้รู้ความจริงของแผนนี้ต้องย้อนไม่เมื่อประมาณต้นปีคือ เดือนกุมภาพันธ์ 2559
แผนจับสึกเริ่มต้นออกมาโดยกลุ่มนายไพบูลย์ นิติตะวัน นายมโน เลาหวณิช  และหลวงปู่พุทธอิสระ

ดันดีเอสไอให้เข้าไปตรวจสอบพระลิขิตเรียกร้องให้สำนักพุทธและมหาเถรสมาคมตรวจสอบเพื่อให้พระธัมมชโยปาราชิกหรือสึก จากคดียักยอกเงินและที่ดิน แต่แผนไม่สำเร็จเพราะเรื่องได้พิจาณาจบไปนานแล้วและยืนยันว่าพระธัมมชโยไม่ผิด แต่ทางกลุ่มนายไพบูลย์ไม่พอใจการพิจารณาคิดว่าสมเด็จช่วงมีส่วนช่วยให้พระธัมมชโยพ้นผิด
ขณะที่ผิดหวังกับแผนแรกก็ไป

แผนสองคือต้องการเอาผิดสมเด็จช่วง
หรือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ โดยเอาคดียัดรถเก่าที่ตีข่าวเป็นรถหรูให้ท่านด่างพร้อย เพื่อยื้อไม่ให้ท่านขึ้นเป็นสังฆราช โดยตัวละครตัวคือ กลุ่มนายไพบูลย์ นิติตะวัน นายมโน เลาหวณิช ประสานงานกับดีเอสไอ โดยร้ายที่สุดถึงกับมีข่าวจะแจ้งจับสมเด็จฯกันเลยทีเดียว โชคดีที่คดีตอนนี้ได้จบไปแล้ว คือท่านไม่มีความผิด ท่านเป็นเพียงผู้รับบริจาค ไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดแม้แต่น้อย แต่แปลกไหมรถหรูมีทั้งประเทศ 7 พันคันแต่ดันโดนที่ท่านรูปเดียว แต่
อย่างไรก็จบไปด้วยดีแล้ว แต่ตอนนี้เหมือนมีใครสักคนกำลังดองเรื่องท่านไว้ ไม่นำชื่อท่านไปทูลเกล้าฯ
เมื่อแผนดูท่าไม่ง่าย เลยกลับมาลุยพระธัมมชโยต่อตอนนี้หาช่องกฎหมายยัดคดีฟอกเงินและรับของโจรให้ อาศัยช่องกฎหมายไทยที่เป็นระบบกล่าวหา
คดีนี้ก็เหมือนกัน ท่านธัมมชโยเป็นเพียงผู้รับบริจาค ไม่รู้เห็นเงินเลยซักบาทแต่มากล่าวหาลอยๆ ถ้างั้นพระในประเทศไทย ผิดหมด หากมีโจรซักคนมาทอดผ้าป่า ทอดกฐินที่วัด แค่นี้ยังไม่เข้าใจกันหรือ? ยิ่งเรื่องฟอกเงินเหรอ ยิ่งไม่เข้าใหญ่ เพราะถ้าเข้าข่ายฟอกเงินต้องเป็นลักษณะการค้า แต่นี้เช็คแต่ละใบมีเส้นทางการเงินชัดเจนคือเอาไปจ่ายค่าสร้างศาสนาสถานหมด
และจริงๆ แล้วเงินหมื่นล้าน วัดธรรมกายรับมาแค่ 8 เปอร์เซ็นต์ คือ 8 ร้อย และทางลูกศิษย์ก็ได้รวบรวมคืนหมดแล้วแต่หน่วยงานอื่นที่รับเงินไป ไม่เห็นมีใครมาช่วยเยียวยา แต่ดีเอสไอเหมือนไม่เคยไปติดตามแต่มุ่งเจาะจงที่วัดธรรมกายเป็นหลัก แม้ทางสหกรณ์ได้ถอนฟ้องแล้วไม่ติดใจ
แต่แผนก็ยังเดินต่อ ซึ่งนายธรรมนูญคนที่ฟ้องคงเป็นกลุ่มเดียวกันกับนายไพบูลย์ นั่นเอง มาถึงนี้มันสื่ออะไรได้เยอะ แล้วคดีนี้มีเงื่อนงำอะไร ที่บอกว่ามี
การกลั่นแกล้งตั้งแต่ต้น

1. มีหมายเรียกหลุดไปถึงสื่อหนังสือพิมพ์ออนไลน์ก่อนที่จะถึงพระธัมมชโย อันนี้ถือว่าเป็นจรรยาบรรณของเจ้าหน้าที่รัฐเลย แต่หลุดไปอย่างนี้เข้าข่ายมี
ความผิดหรือไม่

2. ตรงนี้อ่านกันให้ดีๆเรียงตัวเลย ตามกฎหมายตามหมายเรียกเพื่อแจ้งข้อกล่าวหานั้น พนักงานสอบสอบมีอำนาจจะแจ้งข้อกล่าวหาที่ไหนก็ได้ แต่อัยการขจรศักดิ์ คนเดียวเท่านั้นยืนยันว่าหลวงพ่อต้องออกไปที่ดีเอสไอหรือศาลเท่านั้น ทั้งที่ตนและดีเอสไอรู้ดีที่สุดว่าพระธัมมชโยป่วย ไม่สามารถออกนอกวัดได้
จากภาพที่มาเห็นด้วยตาเมื่อปี 2558

3. ทางคณะศิษย์เองได้ขอร้องทางดีเอสไอหลายครั้งให้มาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัด ถึงกับบอกว่าจะขอเอารถไปรับเชิญมาได้ไหม แต่ไม่มีใครยอมมา สุดท้ายหมายจับก็ออกมา จึงตั้งข้อสงสัยว่ามีความตั้งใจออกหมายจับตามแผนหรือไม่ เพื่อให้พระธัมมชโยมีความผิด เพื่อให้จับสึกง่ายๆ
4. แผนนี้ก็ได้รับการสนับสนุนและขับเคลื่อนโดยคนกลุ่มเดิมคือกลุ่มที่มีส่วนร่วมในการปิดถนนแจ้งวัฒนะนั่นเอง
และแผนก็ได้ขับเคลื่อนสู่การออกหมายจับสำเร็จเมื่อวันที่17 พฤษภาคม 59 แล้วก็ตามคาดมีการบุกเพื่อเข้ามาตรวจค้นเพื่อจับตัวเจ้าอาวาสโดยครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน แต่โชคดีที่ครั้งนั้น ท่านรองอธิบดีดีเอสไอยังมีความเมตตา เห็นแต่มวลชนที่เป็นลูกศิษย์วัด และหวั่นมือที่สาม ยอมถอยกำลัง แต่ใครที่ไปด้วยวันนั้นกลับไม่พอใจ ครั้งนี้เลยอาสามาจัดการกับพระธัมมชโยแทน ท่านนั้นคือพลตำรวจเอกศรีวราห์ รองผู้กำกับการตำรวจแห่งชาติ
ซึ่งจากนั้นมาท่านได้วางแผนเป็นอย่างดี ด้วยแผนไปหาความผิดของพระธัมมชโย ตามวัดสาขาต่างๆ เพื่อไล่ล่าและแจ้งความผิดให้ เพื่อจะได้เอาคดีมาเป็นของตำรวจ ตนจะได้ทำหน้าที่ได้อย่างสะดวก บุกไปทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก ทั้งสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาให้ไปในทุกที ที่รู้ว่าพระของวัดพระธรรมกายอยู่ แม้ท้องที่นายังไป สุดท้ายได้คดีสมใจในสองคดี และก็ได้แจ้งข้อกล่าวหาเหมือนเดิม เพื่อออกหมายจับ ทั้งโคราชและจังหวัดเลย เพราะรู้ดีว่า พระธัมมชโย ไปรับทราบข้อกล่าวหาไม่ได้อยู่แล้วเพราะป่วย รวมทั้งจะได้กล่าวหาว่าท่านเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือกฎหมาย เพื่อจะเป็นข้ออ้างในการบุกวัดได้อย่างสมใจ หมายจับจึงออกมาได้ดั่งใจตามคาด
ท่ามกลางกระแสที่อัยการเลื่อนสั่งฟ้องถึง 5ครั้ง เหตุง่ายๆ คือ หลักฐานไม่เพียงพอที่จะสั่งได้
กระแสหมายจับที่สองและสามของตำรวจก็มาโหมกระแสให้แรงขึ้น จนเป็นกระแสให้อัยการออกมาแถลงข่าวโดยมีคำสั่ง “ควรสั่งฟ้อง” แต่ถูกสื่อตีตราว่า “สั่งฟ้อง” เป็นเหตุให้กระชับการออกคำสั่งบุกของผู้มีอำนาจให้เร็วขึ้น จะเห็นได้ว่ากระบวนการนี้ไม่ใช่ เป็นการปกติแต่ย่อมมีการวางแผนไว้เป็นอย่างดี ซึ่งการเข้าไปร่วมอาจถึงตายได้เพียงข้ามคืน
ผ่านมาถึงตรงนี้หลายท่านคงเข้าใจความเป็นไปถึงตอนนี้ ที่สื่อกำลังโหมกระแสอย่างหนักอยู่ที่ดีเอสไอและตำรวจได้ประสานกันมาบุกเข้าวัดพระธรรมกายในครั้งนี้ ก็เพื่อจับพระธัมมชโย สึกตามแผน ถอดผ้าเหลือง ล้มวัด ตามแผนที่วางไว้แล้วนั่นเอง
มาถึงตรงนี้แล้ว ท่านผู้อ่านคงกระจ่างในความเป็นเป็นของคดีวัดพระธรรมกาย และสรุปได้เองว่า แท้จริงคดีนี้ เกิดจากการรังแกของเจ้าหน้าที่รัฐ? หรือไม่หรือมีใบสั่ง? การเสี่ยงเข้าไปในกระบวนการอาจถึงตาย แม้เพียงข้ามคืน


แหล่งข่าวอ้างอิง
"พระพุทธะอิสระ" จี้ มส.รับผิดชอบฝืนพระลิขิต
http://www.nationtv.tv/main/content/social/378445304/
“ไพบูลย์” ยื่นหนังสือเร่ง”ดีเอสไอ”ให้ตรวจสอบกรณีรถหรูสมเด็จช่วง อ้างเพื่อตัดข้อครหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เตรียมยื่นหนังสือให้ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินตีความกฎหมายสงฆ์
http://www.matichon.co.th/news/4383
“ไพบูลย์ นิติตะวัน” เปิดเช็คสมเด็จช่วง 1ล้าน จ่ายภรรยาเจ้าของอู่รถหรู
https://www.pptvthailand.com/news/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/35082

https://www.youtube.com/watch?v=aSj7AsPdJH8&feature=youtu.be
   “อัยการ”สั่งฟ้องต้องจับ“ธัมมชโย”ทันที..!!
http://www.komchadluek.net/news/politic/249781ผ่า

ข่าวด่วน !!!! ตร.แจ้งจับรักษาการณ์เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
ฐานให้ที่พักพิงหลวงพ่อธัมมชโยและเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฎิบัติตามหน้าที่  วันนี้ทางตำรวจได้แจ้งความที่สภอ.คลองหลวงให้ดำเนินคดีรักษาการณ์เจ้าอาวาสฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ช่วยเหลือให้พักพิงหลวงพ่อตามป.อาญา157และ189

ตลกไหมครับ ????
เมื่อวาน.ดีเอสไอ.ส่งเจ้าหน้าที่ไปเจรจา
วันนี้ตำรวจแจ้งจับ

หลอกว่าจะรักแล้วกลับทำร้ายเหมือนหนังน้ำเน่าไม่มีผิด
มีอำนาจอยู่ในมือจะทำอะไรก็ได้ไม่ต้องคิดถึงผิดถูก ส่วนทางวัดแทนที่จะตอบกลับเรื่องหลวงพ่อให้ชัดเจนแต่เป็นเตมีย์ใบ้ ไม่ตอบกลับหนังสือของตำรวจซะงั้น ก็เลยถูกหวยเป็นคดี
เวลานี้เป็นสงครามกฏหมาย

เห็นทางวัดเอาพระมาเจรจากับทางดีเอสไอเห็นแล้วก็พูดไม่ออก แพ้ตั้งแต่เปรียบมวยตำรวจแจ้ง157ได้ไง พระไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานนะ..เจ้าพนักงานต้องแต่งตั้งโดยรัฐ แต่นี้แต่งตั้งตามพ.ร.บ.สงฆ์ มันเวอร์เกินไปจริง
เป็นคดีแล้ววัดจะเป็นเตมีย์ใบ้อีกไหม

เป็นคดีต้องแก้ทางกฏหมายนะ อย่าใช้วิธีเงียบเฉยมันจะบานปลาย

เชื่อว่าอีกไม่กี่วันหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่1จะส่งด่วนจี๋ไปถึงแน่นอน ถ้าไปตามหมายก็ต้องพิมพ์10นิ้วในฐานะผู้ต้องหา ถ้าไม่ไปเกิน3ครั้ง หมายจับออกมาแน่นอน
เหนื่อยและสงสารพระมากแต่ทำใจในระบบวัด
ไอ้ความหวังลมๆแล้งๆคงจะเลิกคิดได้แล้ว
เอาความจริงเข้าสู้ดีกว่า
จากไม่ผิดกลายเป็นผิด
จากผิดคนเดียวกลายเป็นหลายคนแล้ว
ไม่ได้รังแกกันจริงๆครับ เชื่อทนายเถอะ

ทนายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล
เสาร์3ธค59 14.59น......

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559


ข่าวว่าทางตำรวจขีดเส้นตายให้ส่งมอบตัวหลวงพ่อธัมมชโยภายในเที่ยงคืนนี้
เรามาดูอำนาจในการค้นกัน
ตามป.วิอาญา ม. ๙๖  บัญญัติไว้ว่า" การค้นในที่รโหฐานต้องทำระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและตก มีข้อยกเว้นดังนี้ "
๑. เมื่อลงมือค้นแล้วแต่ในเวลากลางวัน ถ้ายังไม่เสร็จจะค้นต่อไปในเวลากลางคืนก็ได้
๒. ในกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่งหรือซึ่งมีกฏหมายอื่นบัญญัติให้ค้นได้เป็นพิเศษ จะทำการค้นในเวลากลางคืนก็ได้
๓.การค้นเพื่อจับผู้ดุร้ายหรือผู้ร้ายสำคัญ จะทำในเวลากลางคืนก็ได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมตำรวจ หรือข้าหลวงประจำจังหวัดฯ


ดังนั้นหลวงพ่อไม่ใช่ผู้ดุร้าย หลวงพ่อเป็นพระชราแถมอาพาธ
และไม่ได้เป็นผู้ร้ายสำคัญอะไร ความผิดที่ถูกกล่าวหา เป็นคดีความผิดเล็กน้อย ไม่ใช่ปล้น ฆ่า ค้ายา ฯ แต่อย่างใด
หลวงพ่อนอนป่วยอยู่ในวัด จึงไม่มีเหตุฉุกเฉินอย่างยิ่ง เพราะหลวงพ่อไม่ใช่กำลังจะหนีออกไปต่างประเทศ   ส่วนกฏหมายอื่นให้ค้นได้ ในกรณีหลวงพ่อนี้ไม่มีกฏหมายอื่นแน่นอน
ดังนั้นจึงสรุปได้เลยว่า ตำรวจไม่สามารถใช้ ม. ๙๖ ลักไก่มาค้นวัดในเวลากลางคืนได้  นอกจากตำรวจจะกล้าบ้าบิ่น อ้างมาตรานี้มาใช้แบบน้ำขุ่นๆมั่วๆ เพราะตามหลักการใช้กำลังจำนวนมาก บุกเข้าไปในสถานที่ที่มีคนที่เห็นต่างเฝ้าวัดจำนวนมาก นั้นเท่ากับเป็นการฆาตกรรมหมู่เลยนะ
เพราะในเวลากลางคืน ต่างคนต่างกลัว เห็นเป็นยิง แทนที่จะจับหลวงพ่อ กลายเป็นจับปืนฆ่าศิษย์หลวงพ่อแทน  

ทนายจึงค้านหัวชนฝาเลยครับ  อย่าทำให้น้ำตานองแผ่นดิน เดี๋ยวชาวพุทธทั้งประเทศทนไม่ได้  อะไรอะไรก็อาจเกิดขึั้นได้
ถ้าเป็นดังเส้นตายที่ทางตำรวจขีดไว้  น่าจะมีการเข้าตรวจค้นวัดในเวลาเช้า อาจเป็นเช้าใดเช้าหนึ่งในเร็วๆวันนี้    แต่ทนายก็ยังคงสงสัยอยู่ดี ตำรวจจะทำไปทำไมกัน ทำไปมีคนตายแน่นอน
ศาสนาอื่น เราเห็นบ่อยๆ ยอมตายเพื่อศาสนา  แต่ศาสนาพุทธเรายังไม่เคยเห็นเป็นข่าว 
หรือว่าอยากจะทำให้ศาสนาพุทธของเรา ดัง
ข้ามโลก
โดยพุทธฆ่าล้างพุทธ ในวัดพุทธ โดยชาวพุทธ
คิดแล้วเศร้าครับ

ทนายนิทัศน์  ประเสริฐเนติกุล ทนายผู้พิทักษ์ศาสนา
พุธ ๓๐ พย ๕๙  ๑๘.๓๖ น.

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ทำไมถึงมีคนจะจับสึกและสั่งฆ่า
หลวงพ่อธัมมชโย  และจะปิดวัดพระธรรมกาย ??

มีคนถามมาทางหลังไมค์มากมาย
ทั้งๆ ที่ได้เคยเขียนเรื่องนี้อธิบายหลายครั้งแล้ว คนจำนวนมากก็ยังไม่ได้อ่าน

จึงขอเอามาเขียนใหม่
ไม่ว่ากันนะ ถ้ารำคาญเขียนอะไรซ้ำซาก
ก็ไม่ต้องอ่านคะ หรือจะเลิกเป็นเพื่อนก็ไม่ว่ากัน

สาเหตุของเรื่องทั้งหมด เกิดจาก มันมีคนหลายกลุ่ม  ที่ต้องการสึกหลวงพ่อธัมมชโย และปิดวัดพระธรรมกาย
1) กลุ่มพวกผู้มีอำนาจหลายกลุ่ม นี่สำคัญที่สุด
ในการจะล้มวัดพระธรรมกาย สาเหตุเพราะ


1.1  มันเป็นเรื่องเริ่มต้นนานมาแล้วตั้งแต่วัดพระธรรมกาย
เริ่มดังมีคนเข้าวัดมากผู้มีอำนาจกลุ่มนี้เริ่มกลัวว่า

วัดนี้จะใหญ่โต มีคนขึ้นมาก จะมีอิทธิพล
จนไม่สามารถควบคุมได้ คนจะรักหลวงพ่อธัมมชโยมากกว่า


1.2 มาขอให้หลวงพ่อธัมมชโย เปลี่ยนจากการเป็นพระมหานิกาย
มาเป็นพระธรรมยุติ ไม่สำเร็จ ท่านไม่ยอมเปลี่ยนเด็ดขาด
1.3 มาไถเงินวัดพระธรรมกายไม่ได้ดั่งใจ
ปี2542 ที่มีเรื่องดังของวัดครั้งแรก ก็เพราะ มาไถเงิน
ครั้งแรกขอ500ล้าน ต่อไปให้ส่งให้ใช้เดือนละ100ล้าน
วัดปฎิเสธ จึงไม่พอใจมาก และมีมาขอเรื่อยๆ


1.4  ที่ดินของวัดพระธรรมกายที่พิจิตร
มีสายแร่ทองคำ ที่ต่อมาจากเมืองแร่ทองคำพิจิตร ชึ่งเป็นอุปสรรคในการขยายเหมืองแร่อย่างมาก ขอชื้อก็ขายไม่ได้ เพราะเป็นที่ของวัด เป็นธรณีสงฆ์


1.5 ต้องการจับสึกหลวงพ่อธัมมชโย
เพื่อจะเอาไปอ้างขัดขวางไม่ให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์

ขึ้นเป็นสังฆราช หาว่าเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อธัมมชโย รับเงินหลวงพ่อธัมมชโย ทั้งนี้เพื่อจะเอาพระของฉัน ชึ่งเป็นพระธรรมยุติ ขึ้นมาเป็นแทน พระมหานิกายและจะเอาไปล้ม
มหาเถรสมาคม โดยอ้างว่าหย่อนยาน
ไม่สึกหลวงพ่อธัมมชโยตามพระลิขิตของสังฆราช
และรับเงินหลวงพ่อธัมมชโยในการแต่งตั้งยศ

เพราะมีแผนจะเข้าควบคุมคณะสงฆ์ทั้งประเทศ
โดยจะตั้งสภาคุณธรรม ขึ้นมาปกครองแทนมหาเถรสมาคม


1.5 ต้องการสมบัติของวัดพระธรรมกาย
ตาโตอยากได้มาก โดยเฉพาะ พระทองคำองค์ละตัน 8 องค์
เงินทั้งหมดของวัด และที่ดินที่ลูกศิษย์ถวายให้หลวงพ่อธัมมชโย
ชึ่งมีมหาศาล


2)กลุ่มศาสนาอื่นๆ ชึ่งอยู่เบื้องหลังเป็นคนจ่ายเงิน
ค่าดำเนินการล้มวัดนี้ทั้งหมด
กลุ่มนี้รู้ว่า ถ้าล้มวัดพระธรรมกายได้
การจะล้มศาสนาพุทธจากประเทศไทย
นั้นง่ายเหมือนปลอกกล้วย


3)กลุ่มนักการเมืองผสมโรง
นักการเมืองพรรคหนึ่งเคยมาขอให้วัดพระธรรมกายเป็นฐานเสียงเพราะวัดนี้มีลูกศิษย์หลายล้านคนทั่วประเทศ
แต่วัดปฎิเสธ ไม่เล่นการเมืองจึงถูกอาฆาต

และพรรคนี้กลัวว่าวัดพระธรรมกายจะไปเป็นฐานเสียง
ของพรรค ตรงกันข้าม พวกเขาจึงส่งคนออกมากล่าวหาใส่ร้าย
วัดพระธรรมกายทุกๆอย่าง

พวกเขาต้องการให้ล้มวัดนี้ลงปิดวัดเสีย
จึงออกข่าวว่า วัดพระธรรมกายต้องการแยกตัวเองเป็นอิสระ

วัดนี้ซ่องสุมกำลังคนและอาวุธไว้ในวัด
พระในวัดเป็นพระปลอม เป็นพวกคนอีกฝ่ายปลอมตัวมาบวช
เพื่อรอทำการสารพัดที่จะใส่ร้ายหลวงพ่อธัมมชโยและ
วัดพระธรรมกาย

นักการเมืองบางคน ปี2542 มาไถเงินวัดนี้ ค่าจะยุติเรื่องทั้งหมดที่เล่นงานหลวงพ่อธัมมชโย ถึง 5,000 ล้านบาท แต่วัดปฎิเสธ

‍4) กลุ่มสื่อต่างๆ ที่ไม่พอใจ วัดพระธรรมกาย
เพราะมาไถเงินจากวัดไม่ได้

เมื่อปี2542 มีสื่อหลายสื่อ เดินเข้าวัดมาขอไถเงินค่าปิดปากไม่ลง
ข่าวมากมาย แต่วัดไม่ยอมจ่าย

คราวนี้วัดจึงถูกรุมใส่ร้ายป้ายสีจากเกือบทุกสื่อ
และสื่อได้แก้แค้น ขณะเดียวกันสื่อก็รับเงินจากผู้มีอำนาจ
และต่างศาสนาด้วย


5)พระด้วยกันที่อิจฉาวัดพระธรรมกายโดยเฉพาะพระที่มีตำแหน่งใหญ่โต
อิจฉาเพราะวัดพระธรรมกายใหญ่และมีคนศรัทธามากกว่าวัดตัวเอง
และบางองค์โกรธที่ตัวเองทำพระขาย ขายไม่ออกเพราะ
คนมารุมทำบุญกับวัดพระธรรมกายหมด

จึงร่วมให้ร้าย วัดพระธรรมกายมาตลอดเวลา

6)ศิษย์เนรคุณ ที่วัดส่งไปเรียนปริญญาเอกที่เมืองนอกถึงสองประเทศ ด้วยเงินของวัดและศิษย์วัดพระธรรมกาย

แต่กลับมาสนองคุณอย่างเลวทราม
เพราะโกรธที่ ขอบริหารวัดคนเดียว
ให้หลวงพ่อวางมือให้ตัวเองบริหาร

เมื่อไม่ได้จึงออกจากวัดนี้ไปเอง ไปถูกไล่ออกจากวัดอื่นๆถึง4วัด
แล้วสุดท้ายขอกลับมาอยู่วัดพระธรรมกายใหม่ ทางวัดไม่รับกลับ


7)กลุ่มคนกินผัก โกรธเพราะมาขอความร่วมมือจากวัดนี้ให้
ล้มมหาเถรสมาคม แต่วัดพระธรรมกายไม่เอาด้วย
นี่คือความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการจะ
จับสึกหลวงพ่อธัมมชโย และล้มวัดพระธรรมกาย

ตามคำสั่งที่ขัดไม่ได้
ใครจะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ ฉันก็เขียนตามที่รู้มาและบางอย่างก็ร่วมอยูในเหตุการณ์ด้วย
แต่โปรดจำไว้ด้วยนะ คนที่มีศีล ไม่ว่าศีล5,8,10,227ข้อ เขาจะไม่โกหกเพราะเขารู้ว่ามันบาปขนาดไหน ผลที่จะได้รับเมื่อตายไปแล้ว
ต้องไปลงนรกขุมที่4รุนแรงกว่าไปฆ่าคนตาย

คนหัวดำ สื่อต่างๆ นักการเมือง คนต่างศาสนาและกลุ่มผู้มีอำนาจ
ไม่มีศีล ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ
รู้แต่จะเอา จะเอา ทำตามใจตนเอง
ทำได้ทุกอย่าง เลวสุดๆ
โกหกใส่ร้ายเป็นไฟ
จะเชื่อใครก็ตามใจนะ ไม่ว่ากัน

ฝูงผึ้งย่อมอยู่ในกลุ่มผึ้ง ดูดแต่น้ำหวาน
ของสะอาดหอมหวลเป็นอาหาร
ฝูงแมลงวันย่อมอยู่ในกลุ่มแมลงวัน
เฝ้าดูดดมกินแต่ของสกปรก
กินขี้เป็นอาหาร


Cr.Siriporn Suksuthipunth

ได้ยินมาอีกเเล้วว่าวัดรวย
ถามตัวเองว่า ถ้าเราจะรวยบ้าง เราจะต้องมีเงินมากเท่าไรถึงเข้าขั้นเรียกว่ารวย?
เเละใครกัน คนอื่น หรือตัวเรา ที่จะเป็นคนชี้ชัดว่า รวยหรือไม่รวย?
ถ้าคนอื่นมาบอกว่าผมรวย นั่นคงเป็นเพราะเขาเอาผม
ไปเทียบกับคนที่ด้อยกว่า จึงมองว่าผมรวย
เเละก็คงเช่นเดียวกัน ถ้าผมจะบอกว่าผมจนมาก ก็คงเป็นเพราะผมเอาตัวเอง
ไปเทียบกับเพื่อนๆที่ทำงานมีเงินเดือนสูงๆ
เเต่ถ้าหากไม่เอาผมไปเทียบกับใคร
เเต่เอามาเทียบกับความจำเป็นที่ผมต้องใช้ในชีวิต

ผมก็คงตอบได้ว่า ผมกำลังพอดีๆ ไม่ได้จน ไม่ได้รวย
ผมลองมาคิดคำนวณค่าใช้จ่ายประจำของผมว่ามีอะไรบ้าง?
ก็พบว่า ค่าใช้จ่ายส่วนตัวหลักๆก็มีค่าตัดผม
ซึ่งเดือนหนึ่งอย่างต่ำตัดสองครั้ง

นอกนั้นก็ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรมาก ส่วนที่เหลือก็เก็บทำบุญ
เเต่ถ้าเป็นเพื่อนๆซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นมากมาย ทั้งเรืองครอบครัว
เรื่องลูก เรื่องค่าใช้จ่ายทางบ้านของพ่อตา เเม่ยาย
ค่าใช้จ่ายงานสังคม จ่ายลูกน้อง
เเละยังต้องจ่ายอะไร ต่ออะไรอีกเยอะเเยะ ซึ่งจำเป็นต้องมีรายรับสูงมากกว่าผมหลายสิบเท่า
เเละเมื่อหักลบ รายรับ-จ่ายเเล้ว
ผมก็ว่าคงเหลือพอๆกัน

เเล้วอย่างนี้จะสรุปว่ารวยหรือจนก็คงจะไม่ได้

เเล้วอย่างนี้จะสรุปว่ารวยหรือจนก็คงจะไม่ได้
เหมือนอย่างจะมาบอกว่า มหาวิทยาลัยรวยกว่าโรงเรียนประถม หรือมัธยมก็คงไม่ได้เช่นกัน
ทั้งๆที่มหาวิทยาลัยมีรายรับในเเต่ละปีมากกว่าโรงเรียนมากมาย
เเละทำนองเดียวกันที่มองผิวเผินเเล้ว จะสรุปว่าวัดนี้รวย วัดนี้จน ก็คงจะไม่ถูกต้องนัก
เเล้วที่ว่าวัดนี้รวย วัดนี้จนนั้น

เรากำลังเอาเนื้อที่ขนาดของวัดมาเทียบ หรือเอาอาคารสิ่งก่อสร้าง
เอาจำนวนคนเข้าวัด เอาปัจจัยที่สาธุชนทำบุญมาเทียบ หรือเอาวัตถุประสงค์ในการสร้างวัดมาเทียบ

เรากำลังเอาอะไรมาเทียบกัน
ถ้าจะสร้างวัดเพื่อรองรับคนในชุมชน หรือในหมู่บ้านก็ต้องทำเเบบหนึ่ง
ถ้าในตำบล ในอำเภอก็อีกเเบบหนึ่งในจังหวัดก็ต้องอีกเเบบหนึ่ง 
ในจังหวัดก็ต้องอีกเเบบหนึ่ง

เเละถ้าจะสร้างวัดเพื่อรองรับคนทั้งประเทศ หรือเพื่อเป็นสถานที่เผยเเผ่ธรรมะ
พระพุทธศาสนาให้เเก่คนทั้งโลกก็ต้องอีกเเบบหนึ่ง

จึงไม่ใช่เรื่องที่มองเเค่บางจุดเเล้วก็บอกว่ารวยหรือจน

เหมือนโรงเรียนเหมือนมหาวิทยาลัยที่ให้ความรู้เหมือนกัน
เเต่ต่างก็มีบทบาทเเละหน้าที่ของตัวเอง ขึ้นอยู่ที่ว่าได้วางบทบาทหน้าที่เอาไว้อย่างไร??
เเล้วสามารถตอบสนองต่อบทบาทของตัวเองได้ไหม???


หรือว่าได้ทำหน้าที่ให้คุ้มค่ากับกำลังงบประมาณที่ใช้ไปหรือเปล่า
Cr: โค้ก อลงกรณ์ บันทึกอุปัฏฐาก


วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559


ไม่นึกไม่ฝัน จะได้อยู่ในยุคสองเเผ่นดิน เนื่องจากตั้งเเต่เด็ก จนโต หรือจนเเก่ เชื่อว่าหลายๆคนคงจะจดจำ
เเละชินตา กับภาพ พระเจ้าอยู่หัว จนไม่นึกว่าจะมีวันนี้ที่่

                              "ไม่มีพระเจ้าอยู่หัว"


ภาพของประชาชน ไม่ว่า
คนไทย  ที่ร่วมถวายความไว้อาลัยอย่างเนืองเเน่น ทั่วประเทศขณะนี้ ทำให้ย้อนคิดถึงละครเรื่องหนึ่ง
ที่สร้างมากี่ครั้ง ก็ตราตรึงใจ มีความเป็นไทย ที่บรรยาย เเสดงเอกลักษณ์ออกมาได้อย่างงดงาม ทั้งที่เป็นตัวอักษร
หรือ การเคลื่อนไหวบนเเผ่นฟิล์ม ในจอภาพยนต์ หรือจอโทรทัศน์ ไม่ใช่
เเค่สะท้อนความเป็นอยู่ของคนไทยในอดีตได้อย่างชัดเจน
เเต่ยังเล่าเหตุการณ์ของเเผ่นดินในยุคต่างๆ ได้ถึง 4 สมัย
นวนิยายเเละละคร"สี่แผ่นดิน"

ได้บรรยายายความรู้สึกของ "พลอย" ในเหตุการณ์สิ้นในหลวง ครั้งหนึ่งได้อย่างเข้าใจ อย่างเเจ่มเเจ้ง ว่า
คนไทยนั้นเเต่ไหนมา ล้วนผูกพันธ์ กับพระเจ้าอยู่หัว  อย่างเเนบเเน่น ความรักของคนไทย
กับพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่ความรัก เเบบผู้ปกครอง กับ ผู้ถูกปกครอง เเต่
เป็นความรัก เเบบ พ่อ กับ ลูก
เมื่อวันหนึ่ง ไม่มีพระเจ้าอยู่หัว ความรู้สึกของคนทั้งประเทศ จึงเป็นดั่ง
ลูกที่พ่อจากไป
ลองอ่านท่อนหนึ่งของบทประพันธ์นี้ดู เเล้วจะเข้าใจ เเละอาจจะชื่นชม ความเเข็งเเกร่งของ เเม่พลอย
ที่ทนได้อย่างไร กับการเปลี่ยนเเปลง ถึงสี่เเผ่นดิน เพราะเราๆ เเค่ เเผ่นดินเดียวใจคนไทยเราตอนนี้
ก็เเทบจะสลายเเล้ว
"วันนั้นอากาศมืดครึ้มไปทั่ว ไม่มีแสงแดด ทำให้ดูครึ้ม เยือกเย็น ลมเหนือที่เริ่มจะพัดในเดือนตุลาคมหยุดนิ่ง ในวันนั้นแม้แต่ใบไม้สักใบก็ไม่กระดิก เสียงนกเล็กๆ ที่เคยร้องอยู่ตามพุ่มไม้ก็เงียบหายไป ธรรมชาติทั่วทั้งกรุงเทพฯ ดูเหมือนจะแสดงความโศกสลดในความวิปโยคอันยิ่งใหญ่... 
...พลอยใจหายวาบต้องทรุดตัวลงนั่งที่กระไดตึก นึกสังหรณ์ใจขึ้นมาทันทีว่า ยายเทียบมิได้พูดข่าวลือเหลวไหล แต่ใจนั้นยังไม่ยอมเชื่อ เพราะถ้าประชวรหนักหนาก็คงจะรู้เรื่องมาก่อน แต่พลอยได้ข่าวประชวรมาเพียงห้าหกวันเท่านั้น จริงอยู่คุณเปรมหายไปทั้งคืนคงจะต้องมีเหตุสำคัญในวัง แต่บางทีพระอาการประชวรจะหนักขึ้นเท่านั้นเอง เห็นจะไม่ใช่สวรรคต พลอยพยายามหลอกตัวเองว่า พระเจ้าอยู่หัวมิได้เสด็จสวรรคต เพราะยังไม่สามารถจะเชื่อได้ว่าจะเสด็จสวรรคตได้อย่างไร" 



.........“ภายหลังจากที่คุณเปรมกลับมาเล่าว่า พระเจ้าอยู่หัวประชวรไม่เสด็จออก พลอยนึกแน่ใจว่าเป็นการ ประชวรตามปกติเพราะไม่มีใครพูดถึงอาการประชวรนี้เลย หลังจากได้ทราบข่าวประชวรราวๆ ห้าวัน 
รุ่งขึ้นวันหนึ่ง ยายเทียบกลับจากตลาดตอนสายเดินร้องไห้โฮๆ เข้ามาในบ้านบอกว่า เขาพูดกันในตลาดว่า ในหลวงสวรรคตเสียแล้ว วันนี้คนร้องไห้กันทั้งตลาดไม่มี ใครทำมาค้าขายกันเลย
แต่เรื่องพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตนั้น พลอยไม่เคยนึกถึงเลยและถึง แม้ว่าจะนึกถึงก็เห็นว่าตัวนั้นบาปกรรมอย่างหนักทีเดียว แต่ถ้ายายเทียบไม่เหลวไหลและข่าวนี้เป็นความจริงก็เท่ากับว่าหลัก หรือแกนของโลก มนุษย์ที่พลอยรู้จักนั้นสลายลง อีกครู่หนึ่งก็มีเสียงคนร้องไห้มาจากครัว และเสียงคนร้องไห้มาจากเรือนคุณนุ้ย... คุณเปรมก็ร้องไห้ คำตอบเท่านั้นพอแล้วสำหรับพลอย พลอยก้มลงกราบพระบรมรูป แล้วก็ซบหน้าลงกับตักคุณเปรม ร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่น้อยกว่าเมื่อครั้งเจ้าคุณพ่อตาย แต่ในใจของพลอยนั้น รู้สึกว่าคราวนี้เป็นความสูญเสียที่มาก กว่าแรงกว่าและจะมีผลไกลกว่าเป็นหนักหนา
พลอยรีบแต่งกายเข้าเครื่องไว้ทุกข์ อย่างน้อยที่สุดที่ตนจะทำได้ในวันนี้ ก็คือไปคอยเฝ้าถวายบังคมพระบรมศพตามข้างถนนหนทางยังดีกว่านั่งอยู่ที่บ้านโดยไม่มีจิตใจจะทำอะไรถูกตลอดทางที่พลอยผ่าน มีแต่ชาวบ้านแต่งกายไว้ทุกข์นุ่งดำ ทุกคนมีใบหน้าอันเศร้าหมองส่วนมากถือดอกไม้ธูปเทียนในมือ บางคนเดินร้องไห้ดังๆ บางคนก็เช็ดน้ำตา ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปคอยกระบวนพระบรมศพ
พระบรมโกศประดิษฐานอยู่บนพระยานมาศสามลำคาน กั้นกางด้วยพระมหาเศวตฉัตรแลดูสูงทะมึน มีเสียงร้องไห้ดังระงมด้วย
ความรู้สึกจากหัวใจ ทุกคนก้มลงกราบถวายบังคม พลอยนั่งใจเต้นระทึก พลอยก้มลงกราบถวายบังคมและเมื่อเงยหน้าขึ้น ตาก็พอดีไปจับอยู่ที่ใบหน้าทหารคนหนึ่งที่ยืนรายทาง ทหารคนนั้นยืนถือปืนกลับปลายกระบอกลง ก้มหน้าไม่มีกระดิก แต่สิ่งที่เข้ามาปลดปล่อยความรู้สึกของพลอยให้ปะทุออกมาทั้งหมดก็คือ บนใบหน้าของทหารคนนั้นมีทางน้ำตาเป็นทางยาวไหลอาบแก้ม พลอยเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมาให้คนอื่นเห็น แต่เพราะทหารคนนั้น พลอยก็ปล่อยโฮออกมาอย่างหมดอับอาย”


ความตอนหนึ่งจาก "สี่แผ่นดิน" - ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช

คลังบทความของบล็อก

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Unordered List

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

โพสต์แนะนำ

ภูติ ผี ปีศาจ เเตกต่างกันอย่างไร

                ภูติ ผี ปีศาจ เป็นคำที่เราเคยได้ยินได้ฟัง มาตั้งเเต่ยังเด็ก เเม้กระทั่งละคร ภาพยนต์ต่างๆก็จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้...

Popular Posts

Text Widget