ถึง ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยรังสิต
การที่ท่านจะชื่นชอบ คสช หรือ แม้แต่การเปลี่ยนไปนับถือศา สนาอิสลาม
การที่ท่านจะชื่นชอบ คสช หรือ แม้แต่การเปลี่ยนไปนับถือศา
หรือแม้แต่การสนับสนุนการดำ เนินงานของ กปปส รวมถึงกิจกรรมของฝ่ายที่ต่อ ต้านธรรมกายนั้น
ไม่ใช่เรื่องที่ผิดครับ แต่การครอบงำความคิด ของนักศึกษามหาวิทยาลัย
นั้นต่างหากเป็นสิ่งที่ผิด และไม่ควรกระทำ
ผมเชื่อว่าถ้าท่านมองด้วยใจ เป็นกลางท่านจะรู้ได้ด้วยตั วเอง
ท่านอาจจะลืมไปแล้ว แต่ผมอยากเตือนสติท่านนิดนึ ง
เพราะการเลือกชมรม ชุมนุม ใดๆก็เป็นไปด้วยความสมัครใจ
พอเข้าไปแล้ว ไม่ชอบ ไม่ถูกจริต ก็ไม่มีใครบังคับ
การที่ท่านเอาวัดพระธรรมกาย ไปเกี่ยวข้อง กับชมรมพุทธทั่ว ประเทศ และเหมารวมนั้น
มันไม่ถูกต้องกับนักศึกษา ที่ดำเนินกิจกรรมกับชมรมนี้ มาหลายปี
หลายคนที่ผ่านชมรม และจบออกไปแล้ว มีหน้าที่การงานที่ดี เป็นคนดีของประเทศชาติ
แบบนี้ ท่านไม่ภูมิใจ หรือ
จนถึงขั้น ออกมาต่อต้านชัดเจนขนาดนี้
ผมว่ามันทำร้ายนักศึกษาที่เ ลื่อมใสในพระพุทธศาสนานะครั บ
อยากให้ท่าน พึงระลึกไว้ว่า มหาวิทยาลัย ควรเป็นสถานที่ ที่เปิดกว้างทุกความเชื่อ
อยากให้ท่าน พึงระลึกไว้ว่า มหาวิทยาลัย ควรเป็นสถานที่ ที่เปิดกว้างทุกความเชื่อ
ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดก็ตาม!!
มีหนังสือธรรมมะ อยู่ทุกประเภท หลายวัด หลายสาย และชมรมพุทธทุกมหาลัย
ก็ไม่เลือกวัดเลือกสี เลือกข้างในการทำกิจกรรม
หากท่านลองเดินไปเยี่ยม นักศึกษาบ้าง ท่านอาจจะไม่โพส อะไรแบบนี้
และที่สำคัญ เราไม่เคยดูถูกดูหมิ่น ครูบาอาจารย์ สำนักอื่นด้วย ฝากท่านไว้ด้วยความเคารพ
สัมพเวสีพิมพ์ : รุกขเทวาโพส ดูเพิ่มเติม
— กับ Arthit Ourairatสัมพเวสีพิมพ์ : รุกขเทวาโพส ดูเพิ่มเติม
เจ้าของบล๊อกเอง อดีตก็เคยเป็นประธานชมรมพุทธฯสถาบันที่มีชื่อเสียงเเห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ทั้งๆที่เรียนหนัก สำหรับ นักศึกษาคนหนึ่งที่ย้ายสาขาเรียน ต้องทำเกรดให้สูงเท่านศ.สาขาเดิม เเต่ก็ยังเจียดเวลาทำกิจกรรมชมรม เป็นระดับคณะกรรมการชมรม หลายชมรม เเละสูงสุดที่ภูมิใจมาถึงทุกวันนี้ คือเป็นประธานชมรมพุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย ตลอดปีการศึกษาที่นั้น เเละมีผลการเรียนในระดับดีมาตลอด การทำงานชมรมฯในระหว่างการเรียนทำให้เราได้ฝึกการเป็นนักจัดการ ผู้บริหาร ผู้ปกครอง ผู้นำคน ตั้งเเต่ยังเรียนไม่จบ การเเก้ปัญหาเฉพาะหน้า เเละการฝึกความอดทน ควบคุมสติ ล้วนได้มาเเบบเป็นผลพลอยได้โดยไม่รู้ตัว มาเห็นผลเมื่อเรียนจบ เเละต้องก้าวเข้าสู่โลกการทำงานที่ต้องเเก่งเเย่งกันตั้งเเต่ยังไม่ได้รับใบปริญญา เเละจากประสบการณ์ของตัวเองในการสมัคร เเละสัมภาษณ์งาน จนได้รับตำเเหน่งงานเเรกที่เลือก ตั้งเเต่ยังเรียนไม่จบ ก็เป็นถึงระดับหัวหน้าในสายงานที่จบมา สิ่งเหล่านี้ ได้มาจากการทำงานชมรมฯล้วนๆ เเละยิ่งก้าวหน้าในอาชีพ เมื่อเครือข่ายคนรู้จัก ล้วนเป็นเด็กที่สมัยเรียน เก่งเเละดี ยังคงมีการติดต่อ เเละช่วยเหลือในสายงานอีกด้วย เพียงประโยชน์ที่ตัวเอง ได้รับ ยังขอบคุณมหาวิทยาลัยที่เคยเรียน ที่นอกจากให้ความรู้ทางทฤษฎี ยังสอนหลักสูตรชีวิตที่มหาวิทยาลัยไม่ได้เปิดสอน เป็นวิชาหลัก เเต่ให้เลือกเป็นวิชารอง ที่เเล้วเเต่ใครจะลงเรียน เเต่กลับให้ประโยชน์มหาศาลในการเบิกทาง สู่การเป็นคนคุณภาพให้สังคม ผู้เขียนจึงเขียนข้อความส่วนตัวเเทรกมาตรงนี้ เนื่องจากรู้สึกเศร้าใจในการกระทำของผู้ใหญ่บางท่าน ในสังคมที่เป็นถึงผู้บริหารการศึกษามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง กลับมองความคิดของตัวเองด้านเดียว นึกถึงประโยชน์ฝ่ายตนด้านเดียว เเล้วจะเข้าไปพยายามชี้นำสังคม ให้มองการทำงานชมรมพุทธฯทุกสถาบันที่ผ่านมาเป็นสิ่งเลวร้าย เนื่องด้วยเชื่อในความคิดของปัญญาชนของชาติที่ร่ำเรียน ถึงระดับอุดมศึกษาในประเทศเรา ว่ายังคงมีคุณภาพ พอที่จะเเยกเเยะตัวเองได้ว่า สิ่งที่ตัวเองทำอยู่ นั้นถูกหรือผิด ตัวเองได้รับผลประโยชน์เเละสังคม ได้รับผลกระทบอะไรบ้าง หากท่านออกมากล่าวหาเช่นนี้ ก็เสมือนท่านดูถูกปัญญาชนของชาติทั่วประเทศเลยทีเดียว ช่างน่าเศร้าใจนัก เเละรู้สึกผิดหวังในการสร้างภาพลักษณ์ว่ามี"มีคุณภาพ" ของสถาบันใกล้กรุงเทพวันนี้จริงๆ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น