วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559


จากคำถามที่ว่า  พระพุทธรูปวัดพระธรรมกายมิได้สอดคล้องกับพุทธศิลป์ใดเลย  แต่สร้างขึ้นมาตามจินตนาการของท่านเจ้าอาวาสใช่หรือไม่?

วันนี้เรามีคำตอบ

                   พระพุทธรูปวัดพระธรรมกายมีความสอดคล้องกับศิลปะคันธาระ (Gandhara) ศิลปะอมราวตี (Amaravati) และศิลปะสมัยนาคารชุนโกณฑะ (Nagarjunakonda)

       เมื่อพิจารณาพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นโดย วัดพระธรรมกายทั้งในส่วนของงานประติมากรรม และภาพนิ่งนั้นจะเห็นว่าล้วนแล้วแต่เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิซึ่งสามารถจำแนกออกได้เป็นสองหมวดหมู่ คือ พระพุทธรูปที่มีขมวดพระเกศา  และเกตุดอกบัวตูมกับพระพุทธรูปที่มีขมวดพระเกศาแต่ไม่มีเกตุดอกบัวตูม

      จากการให้สัมภาษณ์ของพระครูสังฆรักษ์รังสฤษฏ์  อิทฺธิจินฺตโก  ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย  ประธานโครงสร้างพระธรรมกาย 1,000,000 องค์  เพื่อประดิษฐาน ณ  มหาธรรมกายเจดีย์ ทำให้ทราบว่าโดยหลักทางประติมานวิทยาแล้ว พระพุทธรูปที่มีขมวดเกศาและเกตุดอกบัวตูมนั้นสื่อถึง องค์พระธรรมกายที่เข้าถึงได้จากประสบการณ์ภายในของการปฏิบัติสมาธิ  เรียกพระพุทธรูปประเภทนี้ว่า พระธรรมกาย ส่วนพระพุทธรูปมีขมวดพระเกศา แต่ไม่ปรากฏเกตุดอกบัวตูมนั้น สื่อถึงพระพุทธเจ้าในรูปของกายมนุษย์ที่ประกอบด้วยลักษณะมหาบุรุษ 32  เรียกพระพุทธรูปดังกล่าวนี้ว่า พระพุทธเจ้า

          ลักษณะที่โดดเด่นและเหมือนกันของพระพุทธรูปทั้งสองแบบ คือ พระเกศาขมวดวนไปทางขวาคล้ายรูปก้นหอย  รูปร่างกลมกลึง แขนขาเรียวยาว  นั่งขัดสมาธิ ขาขวาทับซ้าย (Halflotus position) มือขวาทับมือซ้าย นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย  นุ่งห่มจีวรบางแนบร่างเพื่อเน้นสรีระของมหาบุรุษ   ให้เห็นเด่นชัด  เมื่อเปรียบเทียบพระพุทธรูปของวัดพระธรรมกายกับรูปเคารพของพระพุทธเจ้า ในพุทธศาสนายุคต้นอย่างศิลปะคันธาระ

ก็พบว่าลักษณะการวางมือ  ความกลมกลึงและเต็มตึงของร่างกายของพระพุทธรูปของพระธรรมกายไปสอดคล้องต้องกันกับการวางมือ ของพระพุทธรูปปางสมาธิศิลปะคันธาระองค์หนึ่งที่ที่ราบเปชวาร์  ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมภาคตะวันออกของประเทศอัฟกานิสถาน และพื้นที่บางส่วนในกัศมีร์ (Kashmir) ในอดีตเมื่อราวพุทธศักราชที่ 200-300 ดินแดนแห่งนี้คือสถานที่หนึ่งในการปักหลักของพระพุทธศาสนาดั้งเดิมหรือหินยานมาก่อน
         พระพุทธรูปดังกล่าวมิได้เป็นผลงานศิลปะตามอย่างอิทธิพลของกรีกล้วนๆแต่มีส่วนผสมผสานของลักษณะท้องถิ่นนั่นคือ แม้พระพุทธรูปจะมีจมูกโด่งเป็นสัน แต่ส่วนคางนั้นกลับกลมป้อมเหมือนลักษณะใบหน้าของชายชาวอินเดียส่วนใหญ่  มวยผมและเส้นผมมิได้เป็นคลื่นหยักศกหมือนศิลปะกรีกแต่มีลักษณะม้วนขดเป็นกลุ่มก้อนคล้ายก้นหอยมากขึ้น  พระพุทธรูปดังกล่าวประทับนั่งอยู่บนแท่นพระอาสน์ในท่านั่งสมาธิ 


ดวงตาทั้งสองมิได้ปิดสนิทเหมือนการนอนหลับแต่เปลือกตาปิดลงมาเพียงครึ่งเดียวสายตามองต่ำ  ใบหน้าอมยิ้มเล็กน้อย บ่งบอกถึงอารมณ์สุขสงบจากการบำเพ็ญภาวนา  มือทั้งสองมิได้วางซ้อนกันสนิทเหมือนพระพุทธรูปปางสมาธิอื่นๆของศิลปะคันธาระ และศิลปะอื่นๆในยุคหลังที่พบเห็นกันทั่วไป  แต่กลับวางมือขวาทับบนมือซ้ายให้ปลายนิ้วชี้ของมือข้างขวาจรด หรือแตะเบาๆตรงปลายนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย
       แม้พระพุทธรูปคันธาระปางสมาธิลักษณะนี้จะมีให้เห็นไม่มากนัก  ส่วนหนึ่งอาจเพราะถูกทำลายไปจากภัยธรรมชาติหรือจากกาลเวลา  และถูกทำลายไปจากภัยต่างศาสนา  แต่พยานทางวัตถุที่มีปรากฏให้เห็นแม้เพียงหนึ่งเดียวในขณะนี้ก็ทำให้ทราบได้ว่าลักษณะของพระพุทธรูปของวัดพระธรรมกายที่มีความสอดคล้องกับพระพุทธรูปปางสมาธิของศิลปะคันธาระโดยเฉพาะรูปแบบของการวางมือ  เส้นผมที่ขมวดไปทางขวาเป็นขดหอย และความเต็มตึงหรือกลมกลึงของกายมหาบุรุษ ก็เป็นข้อยืนยันว่าวัฒนธรรมการสร้างพระพุทธรูปตามแบบของวัดพระธรรมกายนั้น  มีมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของงานพุทธศิลป์ทางพระพุทธศาสนา

      นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบลักษณะของกายมหาบุรุษที่วัดพระธรรมกายพยายามถ่ายทอดออกมา ผ่านทางรูปประติมากรรมของพระธรรมกายหรือของพระพุทธเจ้านั้น  ก็ยังไปสอดคล้องกับลักษณะของกายมหาบุรษที่ถ่ายทอดออกมาสู่รูปเคารพของพระพุทธเจ้าในศิลปะสมัยอมราวตี และนาคารชุนโกณฑะ  ราวพุทธศักราชที่ 700-800 และ700-900 ตามลำดับ  โดยพระพุทธรูปยุคต้นของทั้งสองเมืองที่อยู่ใกล้เคียงกันในแถบอินเดียใต้จะมีร่างกายที่กลมกลึง  สูงใหญ่ แขนขายาวแตกต่างจากพระพุทธรูปของประเทศไทยที่มุ่งเน้นความสวยงามอ่อนช้อยของพุทธศิลป์ทำให้พระพุทธรูปมีรูปลักษณะไหล่กว้าง  เอวคอด หรือบอบบางอ้อนแอ้นเป็นต้น


        ข้อสังเกตอีกอย่างที่แม้พระพุทธรูปของวัดพระธรรมกายจะมีทั้งแบบที่ลืมตาเต็มดวง  และหลับตาครึ่งค่อนดวง  แต่หลักสูตรในการสอนสมาธิปฏิบัติของพระเทพญาณมหามุนี  ตามแบบวิชชาธรรมกาย จะบอกวิธีในการปฏิบัติสมาธิแก่ผู้ฝึกปฏิบัติเสมอถึงวิธีการหลับตาเพียงค่อนดวง ซึ่งสอดคล้องกับพระพุทธรูปปางสมาธิศิลปะคันธาระดังกล่าวรวมถึงการวางมือวางเท้า และวางใจเพื่อการปฏิบัติสมาธิที่ให้ผลดีและนั่งได้นานๆว่า

ให้หลับตาเหมือนเราปรือๆตานิดหน่อย  หลับตาสักค่อนลูกในระดับที่เรารู้สึกสบาย และก็ผ่อนคลายไปทั้งเนื้อทั้งตัว ขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย  ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวา จรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย

    สิ่งสอดคล้องดังกล่าวทั้งในส่วนเนื้อหาคำสอน ของสมาธิปฏิบัติของวัดพระธรรมกายและงานพุทธศิลป์คันธาระข้างต้น จึงเป็นข้อยืนยันที่ดีเยี่ยมว่าแบบแผนประเพณี หรือรูปแบบการปฏิบัติของกลุ่มชาวพุทธนั้นๆมักได้รับการถ่ายทอดออกมาสู่งานพุทธศิลป์อีกทางหนึ่งเพื่อแสดงถึงความรู้ หรือวิธีการปฏิบัติของพวกเขาต่อชนรุ่นหลัง และจากความคล้ายคลึงกันของพระพุทธรูปปางสมาธิ ของทั้งสองยุคสมัยข้างต้น ก็อาจสันนิษฐานได้ว่าแบบแผนในการปฏิบัติสมาธิของทั้งสองยุคสมัยนั้น อาจมีความคล้ายคลึงกันด้วย



แหล่งที่มา: สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย.ถาม-ตอบข้อสงสัยเรื่องธรรมกาย 1.2558
รูปภาพ : himalayanbuddhistart.wordpress.com

1 ความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Unordered List

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

โพสต์แนะนำ

ภูติ ผี ปีศาจ เเตกต่างกันอย่างไร

                ภูติ ผี ปีศาจ เป็นคำที่เราเคยได้ยินได้ฟัง มาตั้งเเต่ยังเด็ก เเม้กระทั่งละคร ภาพยนต์ต่างๆก็จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้...

Popular Posts

Text Widget