วันอังคารที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2566

            


 ภูติ ผี ปีศาจ เป็นคำที่เราเคยได้ยินได้ฟัง มาตั้งเเต่ยังเด็ก เเม้กระทั่งละคร ภาพยนต์ต่างๆก็จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ เเต่ส่วนใหญ่เรามักจะคิดรวมๆว่าสิ่งลี้ลับ ที่เคยได้ยิน ได้ฟัง ได้ดูมาเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งเดียวกัน หากต้องจำเเนกกันจริงๆ เป็นการยากที่จะข้อเเตกต่างได้ เเต่หากรู้ไว้ก็เป็นความรู้ประดับไว้ก็ดีไม่ใช่น้อย ดังมีรายละเอียดดังนี้

ภูติ

อดีตมนุษย์ที่สมัยยังเป็นมนุษย์มีทั้งชอบหลอกลวง ต้มตุ๋น,หลงในวิชาไสยเวทย์สายดำที่ใช้เบียดเบียนคนอื่น ฯลฯ พอตายลงจึงเป็นกายละเอียดที่มีรูปลักษณ์หลายประเภทลักษณะรูปร่าง หน้าตาผิดปกติน่าเกลียด น่ากลัว เเตกต่างกันขึ้นอยู่กับเเรงบาปของภูติเเต่ละประเภท มีทั้งการต้มตุ๋น,ชอบวิชาไสยเวทย์ เบียดเบียนผู้อื่น ช่วงใกล้ตายมีใจผูกพันกับไสยเวทย์เเละบาปต่างๆที่ก่อไว้ อีกทั้งบาปยังไม่ส่งผลให้ไปอบายได้ ทำให้ต้องกลายเป็นภูติ มีตัวอย่างดังนี้ 

  • ผีกระสือ เเละผีกระหัง
  • ภูติที่สมัยเป็นมนุษย์มัวเมาไสยเวทย์สายดำที่เบียดเบียนผู้อื่น
  • ภูติเฝ้าป่าเฝ้าเขา
  • ภูติเฝ้าทรัพย์ หวงสมบัติ

ผี

อดีตมนุษย์ที่กลายเป็นกายละเอียด หลังจากที่ตายเเล้ว เนื่องจากกำลังบุญที่ทำไว้ไม่พอจะไปสวรรค์ได้ เเละบาปก็ไม่พอจะไปนรกได้ ซึ่งเเบ่งเเยกเป็นหลายประเภท ผีทั่วๆไปเป็นกายละเอียดในระดับพื้นมนุษย์ วนเวียนปะปนอยู่กับโลกมนุษย์มีหลายๆอย่าง เช่น สัมภเวสี,ภุมมเทวาในระดับล่างเป็นต้น  สมัยเป็นมนุษย์ไม่ได้ศึกษาหลักวิชชาความจริงของโลก เเละชีวิต จึงไม่ได้เตรียมกายเเละใจที่จะเผชิญชีวิตหลังความตาย คือไม่ได้สั่งสมบุญไว้นั่นเอง มีตัวอย่างเช่น 

  • กายละเอียดของอดีตมนุษย์ที่เพิ่งตาย กำลังบุญกับบาปส่งผล,
  • สัมภเวสี (ผีเร่ร่อน) กายละเอียดไม่มีที่อยู่ 
  • ภุมมเทวาระดับล่าง หรือผีบ้านผีเรือน

ปีศาจ

    อดีตมนุษย์ที่สมัยเป็นมนุษย์มีทั้งหมกมุ่นไสยเวทย์สายดำ ซึ่งจะฝักไฝ่มากกว่าภูติ หรือเป็นปรมาจารย์ที่ช่ำชองไสยเวทย์ ,ชอบทำร้ายคนอื่น หรือมีใจผูกอาฆาตจองเวรคนที่ทำร้าย จึงกลายเป็นกายละเอียดมีรูปลักษณ์น่าเกลียด น่ากลัว ลักษณะรูปร่างหน้าตาน่าเกลียด น่ากลัว เเตกต่างหลากหลายขึ้นอยู่กับเเรงบาปกรรมของปีศาจเเต่ละประเภท ในอดีตหมกมุ่นไสยเวทย์ทำร้ายผู้อื่น,โกรธเเค้น อาฆาต ช่วงกำลังใกล้ตายใจมืดมน ผูกพันไสยเวทย์ เเละความเศร้าหมองต่างๆ อีกทั้งบาปที่ทำไว้ยังไม่ส่งผลที่จะไปอบาย ทำให้ต้องกลายเป็นปีศาจ มีตัวอย่างเช่น

  •  ปีศาจน่าเกลียด น่ากลัวผิดปกติ
  • ปีศาจที่อดีตใช้วิชาไสยเวทย์ทำร้ายผู้อื่น เช่น สะกดวิญญาณเด็กทารกทำกุมารทอง 
  • ปีศาจผมหยิก  หน้าปูดดุร้าย
  • ปีศาจผมฟูเนื้อตัวมีบาดเเผล มีกลิ่นเหม็นเน่า หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว

สิ่งที่ภูติ ผี ,ปีศาจ มีเหมือนกันคือ ทั้งหมดขณะที่เป็นมนุษย์ ได้ทำทั้งบุญปนบาป เมื่อตายเเล้ว มีบุญไม่พอไปสวรรค์,บาปไม่พอไปนรก ,สภาพใจขณะใกล้ตายเศร้าหมอง,เมื่อตายกลายเป็นกายละเอียดเเล้ว ก็มักจะคอยวนเวียนในที่ๆพวกเขาผูกพันสมัยยังมีชีวิต หมู่ญาติสามารถอุทิศกุศลส่งไปได้ ถ้าบุญส่งไปมากพอ ก็จะสามารถเปลี่ยนภพภูมิให้ดีขึ้นได้

การทำบุญอุทิศ่ส่วนกุศลจึงไม่เพียงเเต่นำความร่มเย็น สุขใจ ได้บุญให้เเก่คนเป็นเท่านั้น เเต่ยังเป็นการส่งบุญให้กับหมู่ญาติที่ล่วงลับไปเเล้วได้ด้วย เเม้เขาจะไปอยู่ในภพภูมิใด หากรับได้ กำลังบุญนั้นมีมากพอก็จะสามารถปรับภพภูมิได้ หรือเเม้หากมีกรรมหนักยังรับไม่ได้ บุญก็จะไม่หายไปไหนจะรออยู่จนกกว่าผู้รับจะสามารถรับได้ ก็จะเเสดงผลทันที เเต่หากจะให้ดีที่สุดบุคคลนั้นควรเร่งทำบุญตั้งเเต่ตั้งยังมีชีวิต เเละทำด้วยตัวเองดีกว่า

 เเหล่งข้อมูล    โรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน

เเหล่งภาพ   google.com/de


วันจันทร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2566

        

เริ่มมีอาการ หลงๆลืม ๆ จนหงุดหงิดบ่อยครั้ง เพราะบางเรื่องเเม้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เเต่ก็ไม่น่าจะทำผิดพลาด หรือลืมกันได้ง่ายๆ จนกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน
ตัวเลขง่ายๆ,ทางที่เคยกลับบ้าน,งานที่เคยทำเป็นประจำทุกวัน เเม้กระทั่งการเขียนหนังสือ ก็เริ่มมีอาการเขียนผิด เขียนถูก ลืมคำไปง่ายๆหรือต้องใช้เวลานานมากขึ้นในการเรียบเรียง หรือนึกถึงสิ่งนั้น สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือน เกี่ยวกับสุขภาพร่างกายของเราในปัจจุบันได้หลายอย่าง ซึ่งอาจปล่อยไปเมื่อสูงวัยขึ้น อาจจะกลายเป็นปัญหา โรคฮิตหลายโรคที่พักหลัง เรามักจะได้ยินบ่อยสำหรับผู้สูงอายุ เช่น โรคสมองเสื่อม ,โรคอัลไซเมอร์ หรือเเม้กระทั่งโรคซึมเศร้า เเต่หากจะบอกว่า เป็นธรรมดาที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับผู้สูงวัย ก็ไม่ใช่เสมอไป เพราะมีผู้สูงวัยหลายๆคนที่เเม้จะอายุมากเเล้ว เเต่กลับมีความทรงจำที่ดี,หูตา ยังใช้ได้ เเถมบางคนก็ยังขับรถไปไหนมาไหนเองได้ด้วย การใช้ชีวิตเเบบผู้สูงวัยที่มีคุณภาพ ทั้งร่างกาย เเละความทรงจำสามารถทำได้ เเม้สำหรับคนหนุ่มสาวที่เริ่มมีอาการน่าเป็นห่วงเหล่านี้ ก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราตอนนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีในวันข้างหน้าได้เช่นกัน โดย

1.นอนพักผ่อนให้เพียงพอ เเละตรงเวลา
    เวลาการนอน เเละจำนวนชั่วโมงในการนอนข
องเเต่ละคนไม่เหมือนกัน จะนอนสั้น นอนยาว เเล้วเเต่ร่างกายของเเต่ละบุคคล จะสังเกตได้ง่ายๆว่า ชั่วโมงนอนของเราเพียงพอหรือไม่ โดย ดูช่วงเวลาตอนตื่นในเเต่ละวัน เรามีอาการโหย ,อ่อนเเรง,ซึม หรือง่วงนอนตลอดเวลาหรือเปล่า หากเรานอนเต็มอิ่มอาการเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น โดยที่เราไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดื่มคาเฟอีนมากระตุ้นให้ตื่นตัว เพราะบางคนถึงนอนยาว เเต่ก็มีอาการนี้ อาจจะเกิดจากระหว่างช่วงเวลานอนไม่ได้นอนหลับอย่างสนิท มีการหยุดการหายใจ หรือ วิตกจนมีอาการเครียดระหว่างการนอนได้

2.ความเครียด  มีผลต่อความจำโดยตรง จึงต้องหาวิธีคลายเครียด เช่น อ่านหนังสือ,ออกกำลังกาย,ดูหนัง หรือหมั่นมองโลกในเเง่บวก ไม่เก็บอารมณ์ที่เป็นลบไว้กับตัว เป็นต้น

3.หยุดความคิดที่เป็นข้ออ้างให้กับตัวเอง  เมื่อเราคิดจะทำสิ่งไหนก็ให้ทำสิ่งนั้นเลยทันทีที่มี่โอกาส เลิกบอกตัวเองว่า ฉันไม่สามารถออกกำลังกายได้ เพราะไม่มีเวลา, ไม่สามารถไปที่ไหนได้ เพราะไม่มีเพื่อน ฯลฯ การมีข้ออ้างมากมายในชีวิต นอกจากจะทำให้ตัวเองมีอารมณ์ลบเเล้ว ยังสร้างความรำคาญให้กับคนที่อยู่รอบตัว เเละก็ยิ่งทำให้ไม่มีใครสนใจอยากเข้าใกล้ด้วย
4.รับประทานอาหารให้สมดุล  บางคนเลือกกินอาหารคีโต ,IF, คลีน หรือตามกระเเสเเฟชั่น โดยลืมไปว่า อาหารเหล่านี้ เราไม่สามารถกินได้ตลอดชีวิต เเละกินอาหารซ้ำๆ รูปเเบบเดิมๆอาจจะมีผลกระทบต่อสารอาหารที่เข้าไปสู่ร่างกายด้วยว่า เพียงพอหรือไม่ เเละหากยิ่งเสริมด้วยอาหารเสริม ยาบำรุงต่างๆ กลับจะยิ่งเพิ่มค่าใช้จ่าย เเละความยุ่งยากในการใช้ชีวิตเข้าไปอีก
5.ฝุ่นต่างๆ  ปัจจุบันปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ รอบตัวเรามีบทบาทสำคัญในการเข้าไปสร้างพิษในสมองของเรา
6.โรคประจำตัว  คนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน,ความดัน,ไขมันสูง หรืออะไรก็ตาม ต้องคุมให้โรคประจำตัวเหล่านี้อยู่ในภาวะสมดุล เพราะจะส่งผลต่อความจำเป็นอย่างมาก

7.การออกกำลังกาย    การออกกำลังกายเเนวเเอโรบิค 5 วันต่อสัปดาห์ 

วิธีป้องกันโรคความจำเสื่อม

 1.ออกไปพบปะผู้คนเเละสังคมข้างนอก   สำหรับวัยหนุ่มสาวอาจจะยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เนื่องจากมีการทำงานมาบังคับให้ต้องออกไปพบปะสังคม เเต่สำหรับผู้สูงอายุ เราอาจจะอย่ากเก็บคนสูงวัยที่มีอาการเหล่านี้ไว้ให้อยู่กับบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้เขาหลงทาง หายไปจากบ้าน ,ได้รับอันตราย หรือไปก่อความวุ่นวายให้คนข้างนอก เเต่จริงๆเเล้วการไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น จะยิ่งทำให้เกิดปัญหา ขาดทักษะการสื่อสาร อาการทางสมองจะเป็นมากขึ้น เเละโรคอื่นๆจะตามมาเป็นผลต่อทันที เช่นโรคซึมเศร้า ดังนั้นจึงควรให้มีการสื่อสารกับสังคม หากออกข้างนอกไม่ได้ ก็ให้มีกลุ่ม หรือคนที่พูดคุยให้มีการโต้ตอบ ใช้สมองคิดเเก้ปัญหา หรือตอบปัญหา ฝึกสมองไปด้วย หรือหากจะใช้สัตว์เลี้ยงเป็นตัวช่วย ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดี



2.เลี้ยงสัตว์เลี้ยง    การได้เลี้ยงดู ,สัมผัส หรือพูดคุยกับสัตว์เลี้ยง หรืออยู่ในสภาพเหมือนมีสังคมจะช่วยบรรเทาจิตใจ เเละให้สมองได้มีการโต้ตอบ สื่อสารได้

3.เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ    ฝึกคิด ทำงานอดิเรกที่ชอบ หรือเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เคยอยากทำ เเต่ไม่มีโอกาส หรือเวลาทำซักที โดยที่ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใคร ไม่ใส่ใจเรื่องอายุ ขอให้เป็นสิ่งที่ทำเเล้วมีความสุข เเละเพลิดเพลินกับมัน เช่น จัดดอกไม้, ร้องเพลง,เล่นเกม ,ปลูกดอกไม้ การได้ทำในสิ่งที่ชอบ นอกจากผ่อนคลายเเล้ว ยังสนุก เเละทำให้อารมณ์ ความรู้สึกภายในเหมือนยังเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่

4.การใช้ประสาทสัมผัสด้านที่ไม่ถนัด ฝึกใช้ประสาทสัมผัสที่เราไม่ถนัดอีกฝั่งหนึ่ง เช่น เราถนัดมือขวา ให้ลองมาใช้งานมือซ้ายให้มากขึ้น เเบบง่ายๆ เเม้ไม่สะดวกเเต่นานๆไปก็จะดีขึ้น เป็นการฝึกสมอง ประสาทสัมผัส เเละพัฒนาความคิดทางสร้างสรรค์

5.การอ่านออกเสียง ฝึกอ่านหนังสือออกเสียงดังๆ นอกจากเป็นการฝึกประสาทสัมผัส ช่วยเรื่องความทรงจำ เเละเเก้เรื่องการหลงลืม คำบางคำ

6.ฝึกการบวกเลขในใจ เวลาเจอป้ายตัวเลข ให้คิดในใจบวก ลบ คูณ หาร อย่างง่ายๆในใจ ,เติมคำในช่องว่าง เช่น เเบบฝึกหัดSodoku ,เล่นหมากรุก,หมากฮอส ก็ได้

เมื่อการจำมีปัญหา สิ่งเหล่านี้ช่วยได้
1.การจดบันทึกประจำวัน      การจดไดอารี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างที่เรานึกไม่ถึง การจดสิ่งที่ทำในเเต่ละวันจะทำให้เราได้ทบทวนความจำในเเต่ละวันว่า ได้เจอ คน สัตว์ สิ่งของ เหตุการณ์ สถานที่อะไรบ้าง เป็นการฝึกความจำอย่างดี
2.ตั้งเตือนนัดหมายต่างๆในโทรศัพท์    เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่เป็นตัวช่วยที่เหมาะกับยุคสมัยที่เราควรนำมาใช้ เพื่อไม่ให้เกิดการหลงลืมสิ่งที่สำคัญมากๆได้
3.โรคซึมเศร้า     เป็นโรคที่กระทบกับความจำเราโดยตรง หากมีอาการหรือเป็นโรคนี้ ไม่ต้องกังวล โรคนี้หายได้ ให้ไปพบเเพทย์ ยอมรับตัวเองเเละขบวนการรักษาจะทำให้เราหายได้ มีหลายๆคนที่เป็นโรคความจำเสื่อมตั้งเเต่วัยหนุ่มสาว เเต่ไม่ยอมรับตัวเองว่ามีอาการป่วยของโรคอื่นอยู่ก่อน จึงได้รับผลพวงของโรคต่อมา
4.ยาบางชนิด    ค้นพบว่ามียาสำหรับผู้สูงอายุที่ใช้รักษาโรคประจำตัวหลายตัวที่มีผลต่อความจำ จึงควรถามเเพทย์ถึงผลข้างเคียงของยา เมื่อต้องรับยาชนิดใดชนดหนึ่งนานๆ
5.บุหรี่ สิ่งเสพติดบางชนิดมีผลต่อสมองโดยตรง    ต้องงดดื่ม งดสูบ ยิ่งผู้สูงอายุควรหยุดเด็ดขาดไปเลย









วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2566


วัฒนธรรมการดื่มชา สำหรับคนไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคย หรือได้รับความนิยมกว่าการดื่มกาเเฟ จึงมักจะเห็นร้านกาเเฟอยู่เกลื่อนกลาดทั่วไป หาง่ายกว่าร้านชามาก ทั้งๆที่ ชาดีๆนั้นมีหลากหลาย เเละมีประโยชน์ไม่น้อย โดยเฉพาะชาดอกไม้ ซึ่งหลายๆคนยังอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ดอกไม้นำมาทำเป็นชาได้ เเละมีคุณสมบัติเป็นยาบำรุงร่างกายได้ด้วย โดยเฉพาะ ดอกชบาสีสวย ข้างรั้ว ที่เราเห็นทั่วไปตั้งเเต่เด็กๆ มีคุณสมบัติน่าสนใจหลายอย่าง ที่นักวิจัยได้ศึกษาเเล้วพบว่าเมื่อนำมาทำเป็นชา จะกลายเป็นดอกไม้มหัศจรรย์ดังนี้

ชาดอกชบา (Hibiscus Tea) 

กรรมวิธีในการทำ  ส่วนใหญ่จะใช้ดอกชบาที่ล้างสะอาดเเล้วตากเเห้ง มาชง หรือเเช่ในน้ำร้อนจัด โดยไม่ต้องเต็มน้ำตาลใดๆ หรือในทางธุรกิจ จะผ่านกรรมวิธี อบ ตากเเห้งใส่ถุงชาเล็กๆ


บรรจุกล่องสวยงาม เวลาใช้ก็เเช่ในน้ำร้อนจัด ไว้ประมาณ5-8 นาที ก็จะได้น้ำชาสีเเดงเข้ม กลิ่นหอมอ่อนๆ รสชาติจะออกไปทางหวานอมเปรี้ยว คล้ายๆ กับน้ำดอกกระเจี๊ยบ ดื่มได้ทั้งร้อน เเละเย็น 

ประโยชน์ของชาชบาเมื่อดื่มเป็นประจำ

ชาชบา ถือเป็น สมุนไพรท้องถิ่นหาง่าย ในหลายๆภูมิภาค ทั้งในประเทศไทย เเละต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเเถบโซนร้อน เช่นเเอฟริกา เป็นพืชที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ยิ่งกว่า ชาเชียว ใช้เพื่อ

➤ ลดไข้  บรรเทาอาการเจ็บคอได้
➤ บำรุงหัวใจ ดีต่อผู้ที่เป็นโรคหัวใจ
➤ ช่วยลดความดันโลหิตสูงได้อย่างดี 
➤ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งดีต่อการต้านการเสื่อมโทรมของเซลล์ในร่างกาย
     ต้านการอักเสบ เเละความเสี่ยงในการเกิดโรคที่จากการสะสมของอนุมูลอิสระเช่น โรคมะเร็ง
➤ ช่วยลดคอเรสเตอรอล หรือ ไขมันไม่ดี(LDL) ในเลือด เเละเพิ่ม ไขมันดี(HDL) ได้เป็นอย่างดี

หากเเต่นอกเหนือจากประโยชน์มหาศาล เเต่ก็ยังมีข้อควรพึงระวังด้วย เนื่องจากชาชบาก็ยังจัดอยู่ในหมวดชา จึงควรระวังเหมือนการดื่มชาสมุนไพรอื่นๆ เเละชาชบานั้นยังมีผลต่อยารักษาโรคในปัจจุบันบางตัวด้วย  เช่น ยาลดความดัน เพราะชาชบานั้นมีคุณสมบัติในการช่วยลดความดันได้ดี หากผู้ที่ดื่มมีโรคประจำตัวเป็นความดันสูง เเละใช้ยาประจำอยู่ หากดื่มชาชบาด้วย จะทำให้การซ้ำซ้อน มีฤทธิ์ในการลดความดันมากเกินไป จนทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำเเทนได้ นอกจากนี้ในดอกชบา ยังมีสารโฟโตเอสโตรเจน ที่ทำหน้าที่คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในมนุษย์

การดื่มชาขบาเป็นประจำ สำหรับผู้หญิง อาจจะมีผลต่อการการกินยาคุมกำเนิดได้ ว่าอาจจะทำให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดลดลง


ดังนั้น ในการดื่มชาชบา ก็ควรจำกัดอยู่ในปริมาณไม่มาก ไม่น้อยเกินไป หรือหากท่านมีโรคประจำตัวที่ต้องใช้ยาประจำ ก็ควรปรึกษาเเพทย์ก่อน เพือไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ เเละจะได้รับประโยชน์จากดอกไม้มหัศจรรย์นี้อย่างเต็มที่



เเหล่งภาพ: Pixbay



จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Unordered List

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

โพสต์แนะนำ

ภูติ ผี ปีศาจ เเตกต่างกันอย่างไร

                ภูติ ผี ปีศาจ เป็นคำที่เราเคยได้ยินได้ฟัง มาตั้งเเต่ยังเด็ก เเม้กระทั่งละคร ภาพยนต์ต่างๆก็จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้...

Popular Posts

Text Widget