วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559


ข่าวว่าทางตำรวจขีดเส้นตายให้ส่งมอบตัวหลวงพ่อธัมมชโยภายในเที่ยงคืนนี้
เรามาดูอำนาจในการค้นกัน
ตามป.วิอาญา ม. ๙๖  บัญญัติไว้ว่า" การค้นในที่รโหฐานต้องทำระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและตก มีข้อยกเว้นดังนี้ "
๑. เมื่อลงมือค้นแล้วแต่ในเวลากลางวัน ถ้ายังไม่เสร็จจะค้นต่อไปในเวลากลางคืนก็ได้
๒. ในกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่งหรือซึ่งมีกฏหมายอื่นบัญญัติให้ค้นได้เป็นพิเศษ จะทำการค้นในเวลากลางคืนก็ได้
๓.การค้นเพื่อจับผู้ดุร้ายหรือผู้ร้ายสำคัญ จะทำในเวลากลางคืนก็ได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมตำรวจ หรือข้าหลวงประจำจังหวัดฯ


ดังนั้นหลวงพ่อไม่ใช่ผู้ดุร้าย หลวงพ่อเป็นพระชราแถมอาพาธ
และไม่ได้เป็นผู้ร้ายสำคัญอะไร ความผิดที่ถูกกล่าวหา เป็นคดีความผิดเล็กน้อย ไม่ใช่ปล้น ฆ่า ค้ายา ฯ แต่อย่างใด
หลวงพ่อนอนป่วยอยู่ในวัด จึงไม่มีเหตุฉุกเฉินอย่างยิ่ง เพราะหลวงพ่อไม่ใช่กำลังจะหนีออกไปต่างประเทศ   ส่วนกฏหมายอื่นให้ค้นได้ ในกรณีหลวงพ่อนี้ไม่มีกฏหมายอื่นแน่นอน
ดังนั้นจึงสรุปได้เลยว่า ตำรวจไม่สามารถใช้ ม. ๙๖ ลักไก่มาค้นวัดในเวลากลางคืนได้  นอกจากตำรวจจะกล้าบ้าบิ่น อ้างมาตรานี้มาใช้แบบน้ำขุ่นๆมั่วๆ เพราะตามหลักการใช้กำลังจำนวนมาก บุกเข้าไปในสถานที่ที่มีคนที่เห็นต่างเฝ้าวัดจำนวนมาก นั้นเท่ากับเป็นการฆาตกรรมหมู่เลยนะ
เพราะในเวลากลางคืน ต่างคนต่างกลัว เห็นเป็นยิง แทนที่จะจับหลวงพ่อ กลายเป็นจับปืนฆ่าศิษย์หลวงพ่อแทน  

ทนายจึงค้านหัวชนฝาเลยครับ  อย่าทำให้น้ำตานองแผ่นดิน เดี๋ยวชาวพุทธทั้งประเทศทนไม่ได้  อะไรอะไรก็อาจเกิดขึั้นได้
ถ้าเป็นดังเส้นตายที่ทางตำรวจขีดไว้  น่าจะมีการเข้าตรวจค้นวัดในเวลาเช้า อาจเป็นเช้าใดเช้าหนึ่งในเร็วๆวันนี้    แต่ทนายก็ยังคงสงสัยอยู่ดี ตำรวจจะทำไปทำไมกัน ทำไปมีคนตายแน่นอน
ศาสนาอื่น เราเห็นบ่อยๆ ยอมตายเพื่อศาสนา  แต่ศาสนาพุทธเรายังไม่เคยเห็นเป็นข่าว 
หรือว่าอยากจะทำให้ศาสนาพุทธของเรา ดัง
ข้ามโลก
โดยพุทธฆ่าล้างพุทธ ในวัดพุทธ โดยชาวพุทธ
คิดแล้วเศร้าครับ

ทนายนิทัศน์  ประเสริฐเนติกุล ทนายผู้พิทักษ์ศาสนา
พุธ ๓๐ พย ๕๙  ๑๘.๓๖ น.

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ทำไมถึงมีคนจะจับสึกและสั่งฆ่า
หลวงพ่อธัมมชโย  และจะปิดวัดพระธรรมกาย ??

มีคนถามมาทางหลังไมค์มากมาย
ทั้งๆ ที่ได้เคยเขียนเรื่องนี้อธิบายหลายครั้งแล้ว คนจำนวนมากก็ยังไม่ได้อ่าน

จึงขอเอามาเขียนใหม่
ไม่ว่ากันนะ ถ้ารำคาญเขียนอะไรซ้ำซาก
ก็ไม่ต้องอ่านคะ หรือจะเลิกเป็นเพื่อนก็ไม่ว่ากัน

สาเหตุของเรื่องทั้งหมด เกิดจาก มันมีคนหลายกลุ่ม  ที่ต้องการสึกหลวงพ่อธัมมชโย และปิดวัดพระธรรมกาย
1) กลุ่มพวกผู้มีอำนาจหลายกลุ่ม นี่สำคัญที่สุด
ในการจะล้มวัดพระธรรมกาย สาเหตุเพราะ


1.1  มันเป็นเรื่องเริ่มต้นนานมาแล้วตั้งแต่วัดพระธรรมกาย
เริ่มดังมีคนเข้าวัดมากผู้มีอำนาจกลุ่มนี้เริ่มกลัวว่า

วัดนี้จะใหญ่โต มีคนขึ้นมาก จะมีอิทธิพล
จนไม่สามารถควบคุมได้ คนจะรักหลวงพ่อธัมมชโยมากกว่า


1.2 มาขอให้หลวงพ่อธัมมชโย เปลี่ยนจากการเป็นพระมหานิกาย
มาเป็นพระธรรมยุติ ไม่สำเร็จ ท่านไม่ยอมเปลี่ยนเด็ดขาด
1.3 มาไถเงินวัดพระธรรมกายไม่ได้ดั่งใจ
ปี2542 ที่มีเรื่องดังของวัดครั้งแรก ก็เพราะ มาไถเงิน
ครั้งแรกขอ500ล้าน ต่อไปให้ส่งให้ใช้เดือนละ100ล้าน
วัดปฎิเสธ จึงไม่พอใจมาก และมีมาขอเรื่อยๆ


1.4  ที่ดินของวัดพระธรรมกายที่พิจิตร
มีสายแร่ทองคำ ที่ต่อมาจากเมืองแร่ทองคำพิจิตร ชึ่งเป็นอุปสรรคในการขยายเหมืองแร่อย่างมาก ขอชื้อก็ขายไม่ได้ เพราะเป็นที่ของวัด เป็นธรณีสงฆ์


1.5 ต้องการจับสึกหลวงพ่อธัมมชโย
เพื่อจะเอาไปอ้างขัดขวางไม่ให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์

ขึ้นเป็นสังฆราช หาว่าเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อธัมมชโย รับเงินหลวงพ่อธัมมชโย ทั้งนี้เพื่อจะเอาพระของฉัน ชึ่งเป็นพระธรรมยุติ ขึ้นมาเป็นแทน พระมหานิกายและจะเอาไปล้ม
มหาเถรสมาคม โดยอ้างว่าหย่อนยาน
ไม่สึกหลวงพ่อธัมมชโยตามพระลิขิตของสังฆราช
และรับเงินหลวงพ่อธัมมชโยในการแต่งตั้งยศ

เพราะมีแผนจะเข้าควบคุมคณะสงฆ์ทั้งประเทศ
โดยจะตั้งสภาคุณธรรม ขึ้นมาปกครองแทนมหาเถรสมาคม


1.5 ต้องการสมบัติของวัดพระธรรมกาย
ตาโตอยากได้มาก โดยเฉพาะ พระทองคำองค์ละตัน 8 องค์
เงินทั้งหมดของวัด และที่ดินที่ลูกศิษย์ถวายให้หลวงพ่อธัมมชโย
ชึ่งมีมหาศาล


2)กลุ่มศาสนาอื่นๆ ชึ่งอยู่เบื้องหลังเป็นคนจ่ายเงิน
ค่าดำเนินการล้มวัดนี้ทั้งหมด
กลุ่มนี้รู้ว่า ถ้าล้มวัดพระธรรมกายได้
การจะล้มศาสนาพุทธจากประเทศไทย
นั้นง่ายเหมือนปลอกกล้วย


3)กลุ่มนักการเมืองผสมโรง
นักการเมืองพรรคหนึ่งเคยมาขอให้วัดพระธรรมกายเป็นฐานเสียงเพราะวัดนี้มีลูกศิษย์หลายล้านคนทั่วประเทศ
แต่วัดปฎิเสธ ไม่เล่นการเมืองจึงถูกอาฆาต

และพรรคนี้กลัวว่าวัดพระธรรมกายจะไปเป็นฐานเสียง
ของพรรค ตรงกันข้าม พวกเขาจึงส่งคนออกมากล่าวหาใส่ร้าย
วัดพระธรรมกายทุกๆอย่าง

พวกเขาต้องการให้ล้มวัดนี้ลงปิดวัดเสีย
จึงออกข่าวว่า วัดพระธรรมกายต้องการแยกตัวเองเป็นอิสระ

วัดนี้ซ่องสุมกำลังคนและอาวุธไว้ในวัด
พระในวัดเป็นพระปลอม เป็นพวกคนอีกฝ่ายปลอมตัวมาบวช
เพื่อรอทำการสารพัดที่จะใส่ร้ายหลวงพ่อธัมมชโยและ
วัดพระธรรมกาย

นักการเมืองบางคน ปี2542 มาไถเงินวัดนี้ ค่าจะยุติเรื่องทั้งหมดที่เล่นงานหลวงพ่อธัมมชโย ถึง 5,000 ล้านบาท แต่วัดปฎิเสธ

‍4) กลุ่มสื่อต่างๆ ที่ไม่พอใจ วัดพระธรรมกาย
เพราะมาไถเงินจากวัดไม่ได้

เมื่อปี2542 มีสื่อหลายสื่อ เดินเข้าวัดมาขอไถเงินค่าปิดปากไม่ลง
ข่าวมากมาย แต่วัดไม่ยอมจ่าย

คราวนี้วัดจึงถูกรุมใส่ร้ายป้ายสีจากเกือบทุกสื่อ
และสื่อได้แก้แค้น ขณะเดียวกันสื่อก็รับเงินจากผู้มีอำนาจ
และต่างศาสนาด้วย


5)พระด้วยกันที่อิจฉาวัดพระธรรมกายโดยเฉพาะพระที่มีตำแหน่งใหญ่โต
อิจฉาเพราะวัดพระธรรมกายใหญ่และมีคนศรัทธามากกว่าวัดตัวเอง
และบางองค์โกรธที่ตัวเองทำพระขาย ขายไม่ออกเพราะ
คนมารุมทำบุญกับวัดพระธรรมกายหมด

จึงร่วมให้ร้าย วัดพระธรรมกายมาตลอดเวลา

6)ศิษย์เนรคุณ ที่วัดส่งไปเรียนปริญญาเอกที่เมืองนอกถึงสองประเทศ ด้วยเงินของวัดและศิษย์วัดพระธรรมกาย

แต่กลับมาสนองคุณอย่างเลวทราม
เพราะโกรธที่ ขอบริหารวัดคนเดียว
ให้หลวงพ่อวางมือให้ตัวเองบริหาร

เมื่อไม่ได้จึงออกจากวัดนี้ไปเอง ไปถูกไล่ออกจากวัดอื่นๆถึง4วัด
แล้วสุดท้ายขอกลับมาอยู่วัดพระธรรมกายใหม่ ทางวัดไม่รับกลับ


7)กลุ่มคนกินผัก โกรธเพราะมาขอความร่วมมือจากวัดนี้ให้
ล้มมหาเถรสมาคม แต่วัดพระธรรมกายไม่เอาด้วย
นี่คือความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการจะ
จับสึกหลวงพ่อธัมมชโย และล้มวัดพระธรรมกาย

ตามคำสั่งที่ขัดไม่ได้
ใครจะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ ฉันก็เขียนตามที่รู้มาและบางอย่างก็ร่วมอยูในเหตุการณ์ด้วย
แต่โปรดจำไว้ด้วยนะ คนที่มีศีล ไม่ว่าศีล5,8,10,227ข้อ เขาจะไม่โกหกเพราะเขารู้ว่ามันบาปขนาดไหน ผลที่จะได้รับเมื่อตายไปแล้ว
ต้องไปลงนรกขุมที่4รุนแรงกว่าไปฆ่าคนตาย

คนหัวดำ สื่อต่างๆ นักการเมือง คนต่างศาสนาและกลุ่มผู้มีอำนาจ
ไม่มีศีล ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ
รู้แต่จะเอา จะเอา ทำตามใจตนเอง
ทำได้ทุกอย่าง เลวสุดๆ
โกหกใส่ร้ายเป็นไฟ
จะเชื่อใครก็ตามใจนะ ไม่ว่ากัน

ฝูงผึ้งย่อมอยู่ในกลุ่มผึ้ง ดูดแต่น้ำหวาน
ของสะอาดหอมหวลเป็นอาหาร
ฝูงแมลงวันย่อมอยู่ในกลุ่มแมลงวัน
เฝ้าดูดดมกินแต่ของสกปรก
กินขี้เป็นอาหาร


Cr.Siriporn Suksuthipunth

ได้ยินมาอีกเเล้วว่าวัดรวย
ถามตัวเองว่า ถ้าเราจะรวยบ้าง เราจะต้องมีเงินมากเท่าไรถึงเข้าขั้นเรียกว่ารวย?
เเละใครกัน คนอื่น หรือตัวเรา ที่จะเป็นคนชี้ชัดว่า รวยหรือไม่รวย?
ถ้าคนอื่นมาบอกว่าผมรวย นั่นคงเป็นเพราะเขาเอาผม
ไปเทียบกับคนที่ด้อยกว่า จึงมองว่าผมรวย
เเละก็คงเช่นเดียวกัน ถ้าผมจะบอกว่าผมจนมาก ก็คงเป็นเพราะผมเอาตัวเอง
ไปเทียบกับเพื่อนๆที่ทำงานมีเงินเดือนสูงๆ
เเต่ถ้าหากไม่เอาผมไปเทียบกับใคร
เเต่เอามาเทียบกับความจำเป็นที่ผมต้องใช้ในชีวิต

ผมก็คงตอบได้ว่า ผมกำลังพอดีๆ ไม่ได้จน ไม่ได้รวย
ผมลองมาคิดคำนวณค่าใช้จ่ายประจำของผมว่ามีอะไรบ้าง?
ก็พบว่า ค่าใช้จ่ายส่วนตัวหลักๆก็มีค่าตัดผม
ซึ่งเดือนหนึ่งอย่างต่ำตัดสองครั้ง

นอกนั้นก็ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรมาก ส่วนที่เหลือก็เก็บทำบุญ
เเต่ถ้าเป็นเพื่อนๆซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นมากมาย ทั้งเรืองครอบครัว
เรื่องลูก เรื่องค่าใช้จ่ายทางบ้านของพ่อตา เเม่ยาย
ค่าใช้จ่ายงานสังคม จ่ายลูกน้อง
เเละยังต้องจ่ายอะไร ต่ออะไรอีกเยอะเเยะ ซึ่งจำเป็นต้องมีรายรับสูงมากกว่าผมหลายสิบเท่า
เเละเมื่อหักลบ รายรับ-จ่ายเเล้ว
ผมก็ว่าคงเหลือพอๆกัน

เเล้วอย่างนี้จะสรุปว่ารวยหรือจนก็คงจะไม่ได้

เเล้วอย่างนี้จะสรุปว่ารวยหรือจนก็คงจะไม่ได้
เหมือนอย่างจะมาบอกว่า มหาวิทยาลัยรวยกว่าโรงเรียนประถม หรือมัธยมก็คงไม่ได้เช่นกัน
ทั้งๆที่มหาวิทยาลัยมีรายรับในเเต่ละปีมากกว่าโรงเรียนมากมาย
เเละทำนองเดียวกันที่มองผิวเผินเเล้ว จะสรุปว่าวัดนี้รวย วัดนี้จน ก็คงจะไม่ถูกต้องนัก
เเล้วที่ว่าวัดนี้รวย วัดนี้จนนั้น

เรากำลังเอาเนื้อที่ขนาดของวัดมาเทียบ หรือเอาอาคารสิ่งก่อสร้าง
เอาจำนวนคนเข้าวัด เอาปัจจัยที่สาธุชนทำบุญมาเทียบ หรือเอาวัตถุประสงค์ในการสร้างวัดมาเทียบ

เรากำลังเอาอะไรมาเทียบกัน
ถ้าจะสร้างวัดเพื่อรองรับคนในชุมชน หรือในหมู่บ้านก็ต้องทำเเบบหนึ่ง
ถ้าในตำบล ในอำเภอก็อีกเเบบหนึ่งในจังหวัดก็ต้องอีกเเบบหนึ่ง 
ในจังหวัดก็ต้องอีกเเบบหนึ่ง

เเละถ้าจะสร้างวัดเพื่อรองรับคนทั้งประเทศ หรือเพื่อเป็นสถานที่เผยเเผ่ธรรมะ
พระพุทธศาสนาให้เเก่คนทั้งโลกก็ต้องอีกเเบบหนึ่ง

จึงไม่ใช่เรื่องที่มองเเค่บางจุดเเล้วก็บอกว่ารวยหรือจน

เหมือนโรงเรียนเหมือนมหาวิทยาลัยที่ให้ความรู้เหมือนกัน
เเต่ต่างก็มีบทบาทเเละหน้าที่ของตัวเอง ขึ้นอยู่ที่ว่าได้วางบทบาทหน้าที่เอาไว้อย่างไร??
เเล้วสามารถตอบสนองต่อบทบาทของตัวเองได้ไหม???


หรือว่าได้ทำหน้าที่ให้คุ้มค่ากับกำลังงบประมาณที่ใช้ไปหรือเปล่า
Cr: โค้ก อลงกรณ์ บันทึกอุปัฏฐาก


จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Unordered List

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

โพสต์แนะนำ

ภูติ ผี ปีศาจ เเตกต่างกันอย่างไร

                ภูติ ผี ปีศาจ เป็นคำที่เราเคยได้ยินได้ฟัง มาตั้งเเต่ยังเด็ก เเม้กระทั่งละคร ภาพยนต์ต่างๆก็จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้...

Popular Posts

Text Widget