วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

คดีวัดพระธรรมกาย เป็นมาอย่างไร ??
21 มิถุนายน 2556 DSI ตั้งข้อหาคุณศุภชัย ร่วมกันยักยอกทรัพย์ มูลค่าความเสียหาย จำนวน 13,334.15 ล้านบาท รับเป็นคดีพิเศษที่ 146/2556

คดีพิเศษที่ 146/2556
ข้อหา      กรณีสั่งจ่ายเช็ค เอาเงินออกจากสหกรณ์และยักยอกทรัพย์
จำเลย     คุณศุภชัย ศรีศุภอักษร
พยาน     พระเทพญาณมหามุนี


คดีนี้ หลวงพ่อเป็นพยาน
13 พฤศจิกายน 2558 DSI ส่งสำนวนการสอบสวนในคดี 146/2556 ทั้งหมดไปให้อัยการ โดยมีพยานหลักฐานในคดีประกอบด้วยเช็คจำนวน 878 ฉบับ ในจำนวนนี้เป็นเช็คที่เกี่ยวข้องกับพระเทพญาณมหามุนี จำนวน 11 ฉบับ ยอดเงิน 387,160,000 บาท
โดย DSI เสนอฟ้องหลวงพ่อเป็นผู้ต้องหาร่วมกับคุณศุภชัย !!!
DSI ต้องการให้หลวงพ่อเป็นผู้ต้องหา

แต่แล้วอัยการสั่งให้ฟ้องเฉพาะคุณศุภชัยเท่านั้น
สำหรับหลวงพ่อ อัยการมีคำสั่งว่า หาก DSI สามารถหาพยานหลักฐานมาเอาผิดเพิ่มเติมได้ ให้ส่งพยานหลักฐานนั้นมาที่อัยการเพื่อให้อัยการพิจารณาต่อไป
นั่นคือ คดี 146/2556 หลวงพ่อเป็นพยาน และหากมีหลักฐานเพิ่มเติมให้ DSI นำส่งอัยการ สรุปว่า หลวงพ่อไม่เกี่ยว !!!!

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2558 DSI มาสอบสวนพยานหลวงพ่อที่วัดพระธรรมกายเพิ่มเติม เพื่อหาหลักฐาน
หลวงพ่อไม่ทราบที่มาของเช็คแต่อย่างใด 

ซึ่งเป็นความจริง ก็เป็นเช่นนั้น หลวงพ่อไม่ทราบที่มาของเงิน
แต่ !!!
มีแมลงสาบบางตัว ออกมาเสนอหน้าว่า หลวงพ่อจะไม่ทราบได้อย่างไร
หลวงพ่อทราบที่มาของเงินทั้งหมด !!!

โถๆๆ พระต้องถามโยมไหมว่า ไปเอาเงินจากไหนมาทำบุญ
สงสัยโยมได้ยกเงินกลับบ้านกันหมด

แมลงสาบเหล่านั้น ยังอ้างว่า เงินตั้งหลายร้อยล้าน จะไม่ถามเลยเหรอว่าเอาเงินมาจากไหน ???
คุณศุภชัย บริจาคเงินครั้งหนึ่งๆ เป็นหลักหลายสิบล้านก็จริง
แต่ไม่ใช่มีเพียงคุณศุภชัยที่ทำบุญหลักสิบล้าน !!
คุณศุภชัย ไม่ได้ถวายปัจจัยหลวงพ่อแต่เพียงลำพังส่วนตัว แต่ถวายร่วมกับเจ้าภาพท่านอื่นๆ อีกหลายท่าน

ยังมีลูกศิษย์วัดอีกจำนวนมากมายที่ทำบุญมากกว่าคุณศุภชัย !!
คุณศุภชัยเป็นเพียงเจ้าภาพรายหนึ่งของวัดเท่านั้น !!
หลวงพ่อไม่ทราบที่มาของเงินจากคุณศุภชัย ว่านำเงินมาจากไหน
DSI ได้รวบรวมหลักฐานจากทางวัดเป็นที่เรียบร้อย
แท้จริงแล้ว ขั้นตอนนี้ DSI ต้องนำสำนวนและหลักฐานที่ได้จากวัดพระธรรมกายนำส่งอัยการ
แต่ DSI หาได้ทำเช่นนั้นไม่ !!!

DSI ตั้งคดีพิเศษที่ 27/2559
ข้อหา ร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร
จำเลย พระเทพญาณมหามุนี, คุณศุภชัย ศรีศุภอักษร, 
คุณศศิธร โชคประสิทธิ์
และหาโจทก์ คือ นายธรรมนูญ อัตโชติ

ธรรมนูญ อัตโชติ จะเดือดร้อนทำไม ในเมื่อสหกรณ์ไม่ติดใจคดีทั้งทางแพ่งและอาญา  เหตุใดมาฟ้องหลวงพ่อ ทำไมไม่ไปฟ้องสหกรณ์ เพราะทางวัดก็เยียวยาเงินให้สหกรณ์ไปแล้ว


DSI ออกแถลงข่าว เตรียมตั้งข้อกล่าวหาและออกหมายเรียกหลวงพ่อในฐานะผู้ต้องหา

18 ก.พ. 2559 ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากหลวงพ่อ ได้ส่งหนังสือไปสอบถามอัยการว่า
DSI มีสิทธิ์ที่จะแยกเป็นอีกคดีหนึ่งหรือไม่ ?

ในวันเดียวกัน อัยการตอบมาว่า ไม่สามารถฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่งได้
 ทนายวัด จึงทำหนังสือชี้แจงคำตอบของอัยการไปแจ้งที่ DSI กรณีฟ้องผิดขั้นตอน !!
DSI ไม่มีสิทธิ์ตั้งคดีใหม่ ตั้งแต่ต้น !! ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดขั้นตอนตามกฎหมาย

 29 มีนาคม 2559  DSI ออกหมายเรียกหลวงพ่อ ครั้งที่ 1 ในฐานะผู้ต้องหาเพื่อไปรับทราบข้อกล่าวหา โดยไม่สนใจคำคัดค้านที่วัดส่งหนังสือไปให้
ทนายฯ ขอเลื่อนเพื่อจัดงานบุญวันที่ 22 เมษายน 2559
DSI อนุมัติให้เลื่อนเป็นวันที่ 25 เม.ย. 2559


25 เมษายน 2559 ครบกำหนดตามหมายเรียก
ทนายฯ ร้องขอเลื่อนเนื่องจากหลวงพ่อป่วยรุนแรง

 DSI ไม่สนใจคำร้องเรียน รีบร้อนไปขอศาลอาญาเพื่ออนุมัติหมายจับ 


แต่ศาลอาญาไม่อนุมัติเนื่องจากเห็นว่า หลวงพ่อป่วยจริงและไม่คิดหลบหนี


16 พฤษภาคม 2559  เป็นวันที่  DSI จึงออกหมายเรียกครั้งที่ 2

16 พฤษภาคม 2559 ทนายฯ ขอเลื่อนอีกครั้ง เนื่องจากอาการอาพาธรุนแรง และส่งหลักฐานใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชนที่เชื่อถือได้ให้ DSI
DSI ไม่สนใจ ไม่เชื่อ และไม่ส่งหมอมาตรวจหลวงพ่อที่วัด แต่วิ่งไปศาลขออนุมัติหมายจับ !!
ชอบธรรมแล้วหรือ เหตุใด DSI ไม่มาพิสูจน์ทราบ ทั้งๆ ที่เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ !!
DSI ไม่นำหลักฐานจากทางวัดประกอบคำร้องให้ศาล มีเจตนาต้องการจะให้ศาลออกหมายจับหลวงพ่อให้ได้
DSI ทำถูกแล้วหรือ ?? DSI จงใจที่จะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ !!! นำหลักฐานส่งศาลโดยขาดความยุติธรรม !!

ไม่เพียงเท่านั้น DSI กลับออกสื่อ เบี่ยงประเด็นเรื่องใบรับรองแพทย์ ว่า หมอไม่ได้ขออนุญาตโรงพยาบาล !!!!แมลงสาบทั้งหลายวิ่งออกมาเต้นกันใหญ่ หลวงพ่อป่วยไม่จริง หลวงพ่อจะหนีไปต่างประเทศ !!!!
DSI บ่ายเบี่ยง !! ไม่ต้องการรับทราบว่าหลวงพ่อป่วยและไม่สามารถเดินทางออกนอกวัดได้ 

17 พฤษภาคม 2559 ศาลอาญาอนุมัติหมายจับหลวงพ่อ !! แต่ DSI ให้หลวงพ่อมอบตัวก่อนวันที่ 26 พฤษภาคม หากไม่มามอบตัวจะบุกเข้าจับกุม !
แล้วเหตุใดก่อนออกหมายจับ DSI  จึงไม่ส่งหมอมาตรวจหลวงพ่อ

มันเลยขั้นตอนนั้นมาแล้ว
ตอบง่ายหนิ !!

นี่เค้าเรียกว่า เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  ผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มาตรา 83 มาตรา 86
มาถึงวันนี้ !!  DSI ไม่สนใจหลักฐานที่ทางวัดนำแสดง มุ่งแต่จะจับหลวงพ่อเพียงอย่างเดียว เตรียมนำกองกำลัง 1000 นาย ทั้งรถหุ้มเกราะบุกค้นวัด
แล้วหลวงพ่อมีความผิดอะไร ?? ฟอกเงิน ?? รับของโจร ??
ฟอกเงิน คือ ผู้ฟอกได้รับเงินผิดกฎหมายแล้วนำไปทำให้เงินนั้นถูกกฎหมายและได้เงินกลับคืนมา
หากคุณศุภชัยได้เงินมาผิดจริง แล้วนำเงินมาบริจาค คุณศุภชัยต้องได้เงินนั้นกลับคืนมา !!
แต่เงินที่เกิดจากเช็คทั้ง 10 ฉบับที่ได้ถวายหลวงพ่อไป ถูกนำไปก่อสร้างศาสนสถานทั้งหมด ไม่ได้มีการถอนเป็นเงินสด หรือว่าให้คืนคุณศุภชัยเลย !!!
แล้วอย่างนี้หลวงพ่อจะเป็นผู้ร่วมฟอกเงินได้อย่างไร ??
แล้วรับของโจรหละ ? ไม่ทราบว่านำโจรมาจากคดีไหน ?
ใครเป็นโจร ถ้ารับของโจรผู้รับต้องทราบที่มาของเงิน ว่านำมาด้วยวิธีการที่ผิดกฎหมาย และมีเจตนารับเงินนั้น
แต่หลวงพ่อไม่ทราบ !! ตามที่ได้อธิบายไปแล้ว
หลวงพ่อรับอย่างเปิดเผย รับเป็นเช็ค สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้ทั้งหมด
สมมติว่า ถ้าคุณเป็นหลวงพ่อ คุณทราบที่มาของเงินว่าผิดกฎหมาย ใครหน้าไหนจะโง่ รับเงินนั้นเป็นเช็ค ??? เพราะเช็คถูกตรวจสอบได้
ถ้าจะรับของโจรเหตุใดไม่รับเป็นเงินสด ???
หลวงพ่อรับเป็นเช็ค รับอย่างเป็นเผยต่อหน้าสาธารณะ

แสดงเส้นทางการเงินได้ชัดเจน นั่นคือหลวงพ่อบริสุทธิ์ใจในการรับและท่านก็ไม่ทราบที่มาของเงินด้วย !!!
การรับบริจาคจะเรียกว่ารับของโจรอย่างนั้นหรือ ??
หลวงพ่อบริสุทธิ์ ทั้งเรื่องฟอกเงิน และรับของโจร แต่เหตุใด DSI จึงไม่สนใจความจริง มุ่งแต่จะจับหลวงพ่อเพียงอย่างเดียว !!!
ทั้งที่จริงแล้ว คดี 27/2559 นี้ ผิดขั้นตอนตั้งแต่ต้น !!
ดังนั้นจึงไม่ควรมีคดีนี้เกิดขึ้นแก่หลวงพ่อเลย !!!
นี่หรือกระบวนการยุติธรรมที่ DSI กำลังหยิบยื่นให้หลวงพ่อ
ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้น (ปี52) คุณศุภชัยก็ได้บริจาคเพื่อสร้างสาธารณะประโยชน์มากมาย เช่น โรงพยาบาล สถานศึกษา วัดอื่นๆ ที่ไม่ใช่วัดพระธรรมกาย ฯลฯ
เหตุใด เฉพาะวัดพระธรรมกาย ถึงโดนข้อหารับของโจรเพียงที่เดียว ?? ทั้งๆ ที่ทางวัดสามารถแจกแจงเส้นทางเช็คได้อย่างโปรงใส
เช็คของสหกรณ์คลองจั่นทั้งหมดที่ออกไป มีถึง 13,300 ล้านบาท
เหตุใด DSI จึงสนใจเฉพาะเช็คของวัดเพียง 300 กว่าล้านเท่านั้น !!!

ทำไม ! นี่หรือความชอบธรรม ?
DSI ทำผิดขั้นตอนเรื่องการตั้งคดี 27/2559 !!

DSI ต้องการประจานหลวงพ่อว่าเป็นผู้ต้องหา โดยการออกสื่อต่างๆ เรื่องหมายเรียกหลวงพ่อ ซ้ำร้ายยังมีหมายเรียกหลุดไปถึงมือสื่อมวลชนก่อนที่ทางวัดจะได้รับหมายเรียกนั้นเสียอีก !!
DSI ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ไม่ยอมส่งหมอเข้ามาตรวจอาการหลวงพ่อที่วัด ทั้งๆ ที่เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน !!
DSI ออกสื่อบ่ายเบี่ยงประเด็นต่างๆ นานา เพื่อหาความชอบธรรมจากสังคมในการเข้าจับกุมหลวงพ่อ !!

นี่หรือ DSI ที่ผดุงความเป็นธรรม ?
ทำไมถึงอยากจับกุมพระผู้เฒ่าอายุ 72 ปี ถึงเพียงนี้ ?
มาถึงวันนี้ ! จะเกิดอะไรขึ้นต่อ หาก DSI นำกำลังพร้อมอาวุธครบมือบุกวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีแต่สาธุชนที่ไร้อาวุธ ไร้ทางต่อสู้  มุ่งแต่ทำความดี
แผ่เมตตาเพียงอย่างเดียว ??
วัดพระธรรมกายกำลังถูกรังแกด้วยความไม่เป็นธรรม ทำไม DSI  มุ่งจับกุมหลวงพ่อทั้งๆ ที่เรื่องอื่นๆ ในประเทศใหญ่โตกว่ามากไม่ยอมไปทำ ?
หรือมีมือที่อยู่เบื้องหลังที่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ ?


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Unordered List

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

โพสต์แนะนำ

ภูติ ผี ปีศาจ เเตกต่างกันอย่างไร

                ภูติ ผี ปีศาจ เป็นคำที่เราเคยได้ยินได้ฟัง มาตั้งเเต่ยังเด็ก เเม้กระทั่งละคร ภาพยนต์ต่างๆก็จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้...

Popular Posts

Text Widget